เรื่องร้อนของเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างชัดเจน กรณีล่าสุดเมื่อเมียนมาเด็ดขาดเอาจริงบุกรวบเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิโอเพิ่น โซไซตี้ (Open Society) ซึ่งก่อตั้งโดยนายจอร์จ โซรอส หลังตรวจเส้นทางการเงินพบว่ามีการลักลอบโอนเงิน สนับสนุนการเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงต่อต้านกองทัพ เป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงที่เท่าทันสถานการณ์มาก อย่างน้อยก็สร้างความอัตคัดยากลำบากกับพวกหัวรุนแรงตัวเป้งๆได้ หลังจากความรุนแรงการประท้วงยกระดับขึ้น มีการจัดตัังกลุ่มหิ้วน้ำมันเชื้อเพลิงไปเผาโรงงาน และสถานประกอบธุรกิจของคนจีนในย่างกุ้ง ในคืนเดียว 32 โรงงานเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อสร้างกระแสเกลียดชังจีนให้สูงขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นยุทธวิธีกดดันรัฐบาลและกองทัพพม่า เข้าสู่กลียุคจลาจลจน ในที่สุดถึงขั้นกลายเป็นรัฐล้มเหลว เพื่อรองรับข้ออ้างแทรกแซงทางทหารจากสหรัฐและสหประชาชาติ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอังคารที่ 17 มี.ค. โดยอ้างจากรายงานของเดอะ โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมาจับกุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของมูลนิธิ “โอเพน โซไซตี เมียนมา” (OSM: Open Society Myanmar) แล้วควบคุมตัวไปสอบปากคำตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยให้การว่า รับโอนเงินจาก “ต่างประเทศ” มูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 43.06 ล้านบาท ) โดยไม่ได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานบริหารจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ของกระทรวงการคลังก่อนที่จะถูกจับกุม
โดยเจ้าหน้าที่ได้แลกเงินทั้งหมดเป็นเงินจ๊าด “โดยไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย” แล้วมีการทยอยนำเงินเหล่านี้ไปใช้เป็นทุนดำเนินกิจกรรมของแนวร่วมการแสดงอารยะขัดขืน “ผ่านคนกลาง” ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ หรือเอ็นจีโอหลายแห่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมากำลังติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 11 คน และตอนนี้อายัดบัญชีเงินฝากทั้งหมด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการดำเนินงานของโอเพน โซไซตี ในเมียนมา
ล่าสุดมูลนิธิ เดอะ โอเพ่น โซไซตี้ ฟาวเดชั่นส์ (The Open Society Foundations) ซึ่งเป็นมูลนิธิแม่ของ OSM ออกมาเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ของ OSM โดยทันที พร้อมยืนยันว่าข้อกล่าวหาว่า OSM ใช้เงินสนับสนุนในการชุมนุมประท้วงไม่เป็นความจริง
ด้านคณะมนตรีการปกคองแห่งรัฐ ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาลเมียนมา ยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการต่อท่าทีของโอเพน โซไซตี เมียนมา ที่หนุนหลังนางอองซาน ซูจีและหนุนม็อบ
ในขณะที่สถานการณ์การทูต และความขัดแย้งตึงเครียดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สื่อตะวันตกพากันโหมข่าวการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารในเมียนมาทำให้มีคนเสียชีวิตเกินกว่า 180 คนแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่กฎอัยการศึกของย่างกุ้ง แห่อพยพออกนอกพื้นที่เมื่อเช้าวันอังคารหลังเกิดการนองเลือดหลายวัน ก่อนที่ทางการเมียนมาจะบุกควบคุมตัวเจ้าหน้าที่เอ็นจีโอโยงมูลนิธิจอร์จ โซรอส ที่ให้ทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเฉพาะกาลที่กองทัพสนับสนุน ขยายวงไปสู่การยกระดับความรุนแรงด้วยการปล้นทรัพย์สิน วางเพลิง ทุบทำลายโรงงาน โรงแรม สถานประกอบธุรกิจที่จีนและคนเมียนมาทำ
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันนองเลือดที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ สำนักข่าวเอเอพีพีระบุว่ามีคนตายถึง 74 คน ที่เขตไลง์ตายาในนครย่างกุ้ง เขตที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่ส่วนใหญ่เป็นของนายทุนจีน โรงงานหลายแห่งโดนวางเพลิง และทำให้รัฐบาลทหารตอบโต้ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่เขตนี้และอีก 5 เขตของย่างกุ้ง
ถึงช่วงเช้าวันอังคาร สำนักข่าวอิรวดีเผยแพร่ภาพที่ชาวเมียนมาพากันอพยพออกจากเขตไลง์ตายากลับบ้านเกิด ทำให้รถติดยาวเหยียด มีทั้งรถจักรยานยนต์ รถกระบะ และรถตุ๊กๆ สำนักข่าวท้องถิ่นเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่าบอกว่า พวกคนงานต่างถิ่นจากไลง์ตายากำลังหนีกลับรัฐบ้านเกิดของพวกเขา สามารถมองเห็นขบวนของผู้คนบนถนนไกลสุดลูกหูลูกตา
จุดที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สำนักข่าวเดอะ โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา ได้เปิดเผยภาพนางออง ซาน ซูจี อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนเมียนมาที่เคยพบกับนายจอร์จ โซรอสและบุตรชาย คือ นายอเล็กซานเดอร์ โซรอส ที่นครนิวยอร์ก เมื่อปี 2559 ได้บ่งบอกความสัมพันธ์ุระหว่างซูจี และพ่อมดการเงินซึ่งเป็นนักปั้นสงครามตัวเอ้จากสหรัฐคนนี้เป็นอย่างดี
โซรอส และมูลนิธิโอเพิ่น โซไซนี้ เป็นใครมาเกี่ยวข้องกับขบวนการเปลี่ยนประเทศต่อต้านจีนในเมียนมาอย่างไร? และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการชังชาติ 3 กีบในประเทศไทยด้วย
นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อย ฟันธงว่าจอร์จ โซรอสคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังมหาอำนาจโลก-สหรัฐอเมริกา เป็นเอเย่นต์ผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนแก่องค์กรช่วยเหลือที่มีเครือข่ายทั่วโลก องค์กรเหล่านั้นเรียกตัวเองเป็นสื่อมวลชน นักกิจกรรม หรือนักสิทธิมนุษยชน นักประชาธิปไตย ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเส้นสายในเครือข่ายการเคลื่อนไหวตามแนวทางความเชื่อของเขาและกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเขา รวมถึงนักการเมืองในประเทศต่างๆ ที่เขาสามารถชักใยอยู่เบื้องหลังได้ราวกับหุ่นกระบอก ด้วยเงินมหาศาลที่มีอยู่ หนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของเขาคือมูลนิธิโอเพิ่น โซไซตี้
จอร์จ โซรอส เดิมชื่อ จอร์จี ชวาร์ตซ์ นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี เป็นนักวิเคราะห์ค่าเงิน นักลงทุนหุ้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Soros Fund Management และสถาบัน Open Society Institute
บนหน้าเว็บไซต์ของมูลนิธิ Open Society ระบุว่า มูลนิธิเป็นผู้ให้ทุนเอกชนรายใหญ่ที่สุดของโลก แก่กลุ่มอิสระที่ทำงานเพื่อความยุติธรรม การปกครองในระบอบประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน โดยมูลนิธิให้ทุนผ่านเครือข่ายของมูลนิธิและสำนักงานในระดับประเทศและระดับภูมิภาค รวมทั้งให้ทุนสนับสนุนในโครงการต่างๆที่เป็นตัวแทนคนชายขอบที่ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
นั่นเป็นการบรรยายสรรพคุณการเป็นเศรษฐีใจบุญ เคลือบวาระซ่อนเร้นที่เหี้ยมโหดไว้อย่างหน้าตาเฉย
สำหรับประเทศไทย Brian Berletic หรือนามแฝง โทนี่ คาร์ตาลุชชี่ นักเขียน อดีตนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูลความเชื่อมโยงที่ องค์กรเอ็นจีโอไทยรับเงินจาก โอเพิ่น โซไซตี้ของโซรอส ที่สนับสนุนให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ และกระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย รวมทั้งให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวม็อบชังชาติ 3 กีบทั้งเป็นตัวเงิน ทางกฎหมาย และการสื่อสารอย่างเป็นระบบ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า บทบาทของจอร์จ โซรอสเกี่ยวข้องกับขบวนการเปลี่ยนประเทศทั้งเมียนมาและไทยอย่างชัดเจนที่สุด