จม. “อานนท์” อ้างกลัวเสียชีวิตไร้ผล! ศาลไม่ให้ประกันหนที่ 6 แจงเหตุผลงานนี้คุกยาว!?!

2986

จากกรณีที่นายอานนท์ นำภา เขียนจดหมายขอชีวิตจากเรือนจำ ฝากเพื่อนโพสต์ลงเฟซบุ๊ก อ้างมีกลุ่มผู้คุมมาขอย้ายตัวไผ่-ไมค์ ที่ถูกขังห้องเดียวกันกลางดึกถึง 3 ครั้ง อ้างจะพาไปตรวจโควิด หวั่นตายในเรือนจำ ราชทัณฑ์วนกลับทำตามกฎควบคุมโควิด คัดกรองแยกกักโรค

ต่อมา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวว่า นายอานนท์จะยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกครั้งโดยเอาเหตุผลนี้ประกอบ เพราะเกรงจะได้รับอันตรายถึงชีวิต เราอยู่ในความคุ้มครองตามอำนาจของศาล ต้องแจ้งให้ศาลทราบ นายอานนท์ยื่นคำร้องแจ้งให้ศาลทราบกรณีนี้ตามจดหมาย ทุกคนไม่ได้นอนทั้งคืน ขอให้ศาลช่วยชีวิตด้วย ปรึกษากับญาติพ่อแม่พี่น้องของนายอานนท์ได้ยื่นขอศาลปล่อยชั่วคราวแล้ว

ล่าสุด ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” จำเลยที่ 1 , 3 – 7 คดีดำ อ.287/2564 คดีชุมนุมปักหมุดสนามหลวง โดยพิเคราะห์เเล้วเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้วกรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 จะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับคดีที่ถูกฟ้องหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ส่วนที่ นายพริษฐ์ ได้ยื่นประกันตัวคดีดำ อ.286/2564 อีกสำนวน ศาลเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้วกรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 จะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับคดีที่ถูกฟ้องหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก

ส่วนที่จำเลยอ้างว่าจำเลยอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ไม่ใช่เหตุผลที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยขั่วคราว อีกทั้งศาลได้นัดไต่สวนเรื่องดังกล่าวไว้ในคดีอาญาหมายเลขดำ อ.287/2564 แล้วจึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ส่วนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของ นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร จำเลยที่ 2 คดีดำ อ.287/64 ศาลเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้วกรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 จะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ส่วนที่อ้างว่าจำเลยที่สองอาจได้รับอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มิใช่เหตุผลที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว อีกทั้งศาลได้นัดไต่สวนเรื่องดังกล่าวในคดีนี้แล้ว จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ส่วนคำร้องที่มารดาของ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์ จำเลยที่ 17 ในคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนั้น ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 17 ถูกจับกุมได้ในคดีอื่นขณะหลบหนีกรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 17 จะหลบหนีหรือจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีกจึงไม่สมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้ยกคำร้อง

ส่วนที่มารดาของนายไชยอมร ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวอีกสำนวนหนึ่งที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ อีกสำนวนหนึ่ง ศาลอาญาก็มีคำสั่งยกคำร้องเช่นกันโดยเห็นว่าศาลชั้นต้นศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาโดยแสดงเหตุผลโดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้วกรณีมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ถึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ว่า ช่วงบ่ายพนักงานอัยการคดีอาญา 7 ได้นำตัวนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชิวารักษ์, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาที่ 1-4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร มายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล โดยยื่นฟ้องรวม 2 สำนวน คือ คดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ เป็นจำเลยเพียงคนเดียว กรณีระหว่างวันที่ 14-15 พ.ย. 63 นายพริษฐ์ ซึ่งเป็นแกนนำจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะบริเวณเวทีคอกวัว โดยยุยงผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 5,000 คน ให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ ราชินี และองค์รัชทายาท ตาม ม.112 ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำ ๆ ต่างกรรมต่างวาระตามข้อกล่าวหาเดิมหลายครั้งหลายครา มีเหตุอันควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยทั้งสี่อาจไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก

ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ทนายก็ได้ยื่นขอประกันตัว แต่ศาลอาญาอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า ความผิดตามฟ้องมีอัตราโทษสูง การกระทำตามฟ้องมีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือวุ่นวายขี้นและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จำเลยที่ 1, 2 และ 4 (นายพริษฐ์, นายอานนท์ และนายสมยศ) ขึ้นปราศรัยด้วยถ้อยคำที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและเคารพสักการะ กระทบกระเทือนจิตใจของปวงชนชาวไทยผู้จงรักภักดีอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และมีลักษณะชักนำให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย จำเลยที่ 1 และ 2 (นายพริษฐ์ และนายอานนท์) ถูกกล่าวหาดำเนินคดีในความผิดลักษณะเดียวกันคดีอื่น ๆ อีก จำเลยที่ 4 (นายสมยศ) เคยต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในลักษณะทำนองเดียวกันนี้มาก่อน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณาแล้ว จำเลยที่ 1, 2 และ 4 อาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่นอีก และเชื่อว่าจำเลยอาจหลบหนี

ต่อมาก็ได้ยื่นขอประกันตัวครั้งที่ 3 ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ทนายยื่นหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 4 แสนบาท/คน และมี ศ.พิเศษ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และ พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดี ร่วมด้วย แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นเเละศาลอุทธรณ์ แสดงเหตุผลไว้อย่างชัดเเจ้งเเล้ว หากปล่อยตัวไปอาจจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับกรณีที่ถูกฟ้องอยู่ จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนเปลี่ยนคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง

ครั้งที่ 4 ขอยื่นประกันตัววันที่ 26 กุมภาพันธ์ หลังพบว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 8 แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี 8 เดือน ถึง 9 ปี 24 เดือน ในคดีชุมนุมการเมืองระหว่างปี 2556-2557 และเข้าไปนอนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มา 2 คืน ทว่าศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว 4 แกนนำราษฎร

และครั้งที่ 5 ได้ยื่นประกันตัวอีกครั้ง ในวันที่ 4 มีนาคม ทนายยื่นหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 5 แสนบาท/คน และมารดาของเพนกวินขอเป็นนายประกันเอง แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและได้ให้เหตุผลไว้แล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแล้ว แม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้ แต่หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง จำเลยที่ 1 (นายพริษฐ์) อาจเจ็บป่วยเพราะมีโรคประจำตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยจริงจนถึงขนาดไม่สามารถรักษาพยาบาลภายในเรือนจำได้ จำเลยที่ 1 เป็นนักศึกษา มีเพียงเหตุผลให้คาดคะเนได้ว่าจะไม่สะดวกในการศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าจะกระทบต่อการเรียนของจำเลยที่ 1 อย่างชัดเจนร้ายแรงอย่างไรการดูแลครอบครัวและการประกอบอาชีพของจำเลยอื่น เป็นเหตุความขัดข้องทั่วไปของบุคคลซึ่งต้องคดี ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมว่าจำเลยทั้งหมดได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จนถึงขนาดที่จะมีผลเพราะให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

อย่างไรก็ตาม ครั้งล่าสุด ที่นายอานนท์จะยื่นคำร้องขอประกันตัว เนื่องจากให้เหตุผลว่า กลัวว่าจะถูกทำร้ายในเรือนจำ ซึ่งครั้งนี้ ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว