นิสัยไม่เปลี่ยน!! “ธนาธร” งัดข้อมูลเก่าบิดเบือน “โจมตีแผนวัคซีน” ย้อนวีรกรรม ถูกจับโกหก “วัคซีนพระราชทาน”?

1742

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงถึงประเด็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วิจารณ์ถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งทั้งคู่ได้เข้าร่วมวงสนทนาใน แอพพลิเคชั่น clubhouse หัวข้อ “วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” ว่า

ใครโกหกประชาชน?

ค่ำเมื่อวานนี้ ผมได้รับเชิญให้เข้าไปร่วมรับฟังการสนทนาเรื่องวัคซีน ใน แอพพลิเคชั่น clubhouse  การสนทนาจากหลายมุมมอง ทำให้ได้รับแง่คิดดี ๆ เยอะ มีคำถามหลายคำถามที่ผมตอบ ชี้แจง เล่าถึงการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข กว่าจะได้วัคซีนมา และวางแผนจะฉีดวัคซีน กันอย่างไร ได้แลกเปลี่ยนกับสมาชิกที่เข้ามาสนทนา เป็นการสื่อสาร ให้เกิดความเข้าใจกันได้พอสมควร

บรรยากาศในการสนทนา แม้จะไม่รู้จักกัน แต่ก็เป็นไปด้วยดี ให้เกียรติต่อกัน และพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัคซีน แม้จะมีบางคนจะโยงไปเรื่องการเมือง ผู้จัดการสนทนา ก็พยายามแนะนำ ตักเตือน ให้เข้าประเด็นวัคซีน

บรรยากาศมาเสีย ตอนที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามา แล้วก็เริ่มต้นสนทนา ด้วยการกล่าวว่า “คุณอนุทิน ต้องพูดความจริง อย่าโกหกประชาชน” แล้วก็ยกแผนงานการฉีดวัคซีน ที่กรมควบคุมโรค เคยนำไปชี้แจงต่อกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ว่าแผนดังกล่าวประเทศไทยจะฉีดวัคซีน เสร็จสิ้น ในปี 2566 มาเป็นหลักฐานว่า การที่ผมพูดว่า แอสตราเซเนกา มีความพร้อมที่จะส่งวัคซีนให้เรา และกระทรวงสาธารณสุข พร้อมจะฉีดวัคซีนให้คนไทย ได้เสร็จภายในปี 2564 เป็นเรื่องที่ผมโกหกประชาชน

ผมไม่รู้ว่าคุณธนาธร ได้ฟังการสนทนามาก่อนหรือเปล่า จู่ ๆ จึงตั้งข้อกล่าวหาว่า ผมโกหกประชาชน เป็นข้อกล่าวหาที่ใหญ่มาก ผมจึงต้องสวนไปทันทีว่า

“ผมไม่มีทางโกหกประชาชน ผมต้องทำงานแล้วทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนไป วันนี้ผมบอกได้เลยว่าทั้ง 60 ล้านโดส จะถูกฉีดภายในสิ้นปีนี้ โดยกรมควบคุมโรค ได้ไปศึกษาทุกอย่างหมดแล้ว ยืนยันว่าสามารถขยายกำลังฉีดวัคซีนแต่ละเดือนได้ 5-10 ล้านโดส ฉะนั้นเราสั่ง 60 ล้านโดส เริ่มฉีดในเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป ก็จะจบในสิ้นปีนี้ และหากเราจะสั่งมาให้ประชาชนในปีหน้า ก็เป็นเรื่องของปีหน้า”


คุณธนาธร ใช้เอกสารเก่าของกรมควบคุมโรค มาพูดแล้วพูดอีก มากล่าวหากระทรวงสาธารณสุข โกหกประชาชน หลายครั้ง และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็รับเอกสารชิ้นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด มาแล้ว

อธิบดีกรมควบคุมโรค เคยชี้แจงไปแล้วว่า เอกสารที่คุณธนาธร นำมาอ้าง นำมาเป็นหลักฐาน นั้น เป็นแผนงานเก่าที่ทำกันตั้งแต่ เรายังไม่ได้สั่งซื้อวัคซีน ได้มากเพียงพอ ซึ่งมีการปรับแผนไปหลายครั้งแล้ว ตามสถานการณ์ที่เราเข้าถึงวัคซีน และซื้อวัคซีนได้เพิ่มขึ้น

ในกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีใครใช้แผนการฉีดวัคซีนที่คุณธนาธร นำมากล่าว อ้างอีกแล้ว การทำงานเพื่อควบคุมโรค การบริหารจัดการวัคซีนโควิด ต้องปรับไปตามสถานการณ์ ถ้าไม่ติดตามข้อมูล ถ้ายึดถือข้อมูลเก่า ก็จะตามสถานการณ์ไม่ทัน

แผนงานการฉีดวัคซีนฉบับปัจจุบัน ที่กระทรวงสาธารณสุข ทำและใช้เป็นแผนแม่บท คือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เราจะฉีดวัคซีน ได้เดือนละ 10 ล้านโด๊ส และคาดว่าภายในสิ้นปี เราจะฉีดวัคซีน ได้ 60 ล้านโด๊ส หรือ 30 ล้านคน ตามเป้าหมาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข แถลงหลายครั้งแล้ว

การสนทนาในเวทีสาธารณะ ไม่ว่าจะต้องการผลทางการเมือง หรือ สร้างความนิยมส่วนตัว ก็ตาม ควรจะต้องเคารพทุกคนที่กำลังสนทนา และฟังการสนทนาด้วย และไม่ใช่จะกล่าวหาใคร ด้วยข้อมูลเก่า ข้อมูลเท็จ โดยไม่รับผิดชอบ ก็ได้

ผมไม่อยากโต้เถียงกับใคร ให้บรรยากาศในห้องสนทนา ที่ผู้จัดการสนทนาเปิดเวทีขึ้นมาเพื่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน ต้องเสียไป ผมจึงเลือกที่จะออกจากห้องสนทนา มา เพื่อไม่ให้ หัวข้อสนทนาต้องเปลี่ยนเป็นวัคซีนการเมือง

แม้จะเสียมารยาทที่ออกมาโดยไม่ได้ร่ำลา แต่ก็ดีกว่าเสียมารยาทที่ทำให้ผู้อื่น ต้องทนฟัง สิ่งที่เป็นความเท็จ และ เสียโอกาสที่จะได้รับฟังการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข อย่างต่อเนื่อง

ผมยืนยันว่าผมไม่ได้โกหกประชาชน และไม่เคยใช้วัคซีน เป็นประเด็นการเมือง

เรื่องวัคซีน มีหนึ่งคนที่เคยถูกจับได้ว่า โกหกประชาชน คือ คนที่พูดเรื่องวัคซีนพระราชทานฃ

ก่อนหน้านี้ที่นายธนาธรออกมาเคลื่อนไหว ไลฟ์สดคุยเรื่องวัคซีน และได้ยกคำอ้างว่า “วัคซีนพระราชทาน” ขึ้นมาพูด โดยบอกว่าคนที่พูด คือนายกฯ เอง ในพิธีลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา แต่เมื่อได้ตรวจสอบในคลิปดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงรายละเอียดการนำเข้าวัคซีน รวมทั้งมีประโยคที่บอกว่า “ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เข้ามาช่วยผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา” ซึ่งไม่ได้มีประโยคไหนที่บอกว่า นี่คือ “วัคซีนพระราชทาน” ตามที่นายธนาธรกล่าวอ้าง

 

อย่างไรก็ตามทางด้านนายอนุทิน ได้เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนโควิดในประเทศจีน เพื่อขอเพิ่มโควตาอีก 5 ล้านโดส เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งตนเองและกระทรวงสธ. ไม่ได้นิ่งนอนใจในการปรับแผนตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น