เจ้าหน้าที่ว่าไง? ชำแหละ “เฌอเอม” หักหน้าตร. ไม่ให้ปากคำ คดีโกหกโพสต์โดนแก๊สน้ำตา สุดท้ายเรื่องเงียบ ทั้งที่มีโอกาส “ติดคุก”?

2692

เคยปรากฏเป็นข่าวดังว่าเมื่อปลายปี 2563 หลังมีผู้เข้าประกวดนางงาม โป๊ะแตก เนื่องจากทางกอง MUT แถลงว่าผู้เข้าประกวดคนหนึ่ง มีบุคคลใกล้ชิดในกองคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้ตลอด

เนื่องจากการตอบคำถามกรรมการในแต่ละครั้ง เจ้าตัวจะได้ตอบดีกว่าเพื่อน และมีความโดดเด่นในกองอย่างมาก จนถูกมองว่าคนนี้คือตัวเต็งที่จะคว้ามงกุฏ นั่นก็คือ “เฌอเอม” ชญาธนุส ศรทัตต์ ทำให้สุดท้ายแล้วเจ้าตัวโดนปลดออกจากกองประกวด ในรอบ 30 คนสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีแชทลับที่คุยแฉเพื่อนประกวดนางงามด้วยกันด้วย

และชื่อของ “เฌอเอม” ปรากฎในข่าวอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวบอกว่า เป็นนางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา จากการผ่านขบวนชุมนุมในวันที่ 13 ก.พ. 2564 โดยเหตุการณ์นั้นเจ้าตัวบอกว่า ต้องรีบวิ่งหนีเอาชีวิต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงชัดแล้วว่า ไม่ได้มีการใช้แก๊สน้ำตาแต่อย่างใด แล้ว “เฌอเอม” เอาเรื่องแก๊สน้ำตามาพูดได้อย่างไร อาจจะเข้าข่ายผิดพรบ.คอมฯด้วย

ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกตัวแรงอีกครั้ง โดยนั่งเคารพธงชาติระหว่างการปราศรัยเรื่อง save บางกลอย ที่ทำเนียบรัฐบาล และยังพูดอีกว่า ทำมานานแล้ว ไม่อยากยืนเพราะว่าเมื่อย และมองว่าการยืนตรงเคารพธงชาติ ไม่ใช่การบ่งบอกว่ารักชาติ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เฌอเอม ได้ทวีตข้อความหลังอ้างว่าโดนแก๊สน้ำตา จากเหตุชุลมุนหลังแกนนำม็อบราษฎร ประกาศยุติชุมนุมในคืนวันที่ 13 ก.พ. โดยบอกว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉัน เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ นางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา”

โดยเจ้าตัวเล่าเป็นฉาก ๆ ในตอนนั้นว่า ไม่มีใครอยากปะทะแก๊สน้ำตานะคะ เรายืนโบกรถอยู่เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรด้วยซ้ำ เพราะอยู่ห่างจากศาลหลักเมืองระดับนึง ทุกอาชีพโดนได้หมด ที่ผ่านมาหมอ การ์ด นักเรียน ฟรีแลนซ์ พี่แกร๊บ ครู พนักงานออฟฟิศก็โดน คำถามคือเราถูกกระทำแลกกับอะไร ? และมันสมควรหรือไม่ ? ต่างหาก

ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น คือเรากินข้าวอยู่กับเพื่อน ซึ่งเป็นกลุ่มราษฎรมูเตลู ไม่ใช่กลุ่มราษฎร แล้วมีคนส่งข่าวมาว่ามีมวลชนเหลืออยู่ตรงศาลหลักเมือง เพื่อนเราจากที่จะกลับที่พักเลยเดินไปดู เราไปส่งก็เดินไปด้วย จนติดตรงเกาะกลางถนน เกาะเล็กเกาะน้อย แถวแม่ธรณีบีบมวยผม ติดกันคนละเกาะเลย พอเดินไปถึงตรงเกาะกลางถนนก็มีเสียงคนตะโกนออกมาว่าให้วิ่ง แต่บางเสียงบอกว่าอย่าวิ่ง จึงพยายามโบกรถให้คนอื่น ๆ ได้ข้ามถนน ตอนนั้นเป็นไฟเขียว จึงมีรถจอดบ้างไม่จอดบ้าง

จากนั้นมีคนตะโกนว่าตำรวจควบคุมฝูงชนมา ให้วิ่งหนีสุดชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่แก๊สมาตกอยู่ข้าง ๆ พอดี ซึ่งไม่ทันสังเกต เพราะกำลังโบกรถและมองไปที่อีกฝั่งถนน แต่รู้สึกแสบตาจึงรู้ว่าเป็นแก๊สน้ำตา เมื่อเห็นทุกคนวิ่ง แม่ค้าก็ยกแผงหนีและตนจึงวิ่งด้วย

ต่อมาวันที่ 16 ก.พ. 2564 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าว ระบุว่าไม่ได้มีการใช้แก๊สน้ำตา และจะขอเชิญเฌอเอมมาให้ปากคำด้วย ซึ่งเฌอเอมก็แคปข่าวนี้มาขึ้นไอจีสตอรี่ พร้อมแคปชั่นว่า “ไม่ไปค่ะ” ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า ทำไมจึงไม่ไปให้ปากคำกับตำรวจ หรือว่าไม่ได้โดนแก๊สน้ำตาจริง หรือแค่อยากมีซีนกันแน่

 


ทั้งนี้การโพสต์ข้อความของ “เฌอเอม” เข้าข่ายผิดพรบ.คอมฯ ฐานโพสต์ข้อมูลเท็จ ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวก็ไม่ไปเดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีความเป็นไปได้ว่า หลังจากการเคลื่อนไหว เรื่องนั่งเคารพธงชาติ จะทำให้สังคมมีการพูดถึง “เฌอเอม” อีกครั้ง และทำให้นึกย้อนไปถึงเรื่องโพสต์ข้อความโดนแก๊สน้ำตา อาจจะโดนตำรวจเรียกสอบปากคำใน 2 ประเด็นนี้ ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ว่าด้วยต้องมีเจตนาทุจริต โพสต์ข้อมูลเท็จนั้น ตัวบทบัญญัติกฎหมายกล่าวไว้ว่า

สำหรับบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับแก้ไขเมื่อปี 2560 ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้อมูลเท็จ อยู่ในมาตรา 14 ดังนี้

มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

(2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

(3) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได

(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)

ทั้งนี้ความผิดของ “เฌอเอม” อาจจะเข้าข่ายตามข้อที่ 1 2 3 และ 5 เนื่องจากมีการบิดเบือน สร้างความเสียหาย ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ทำร้ายประชาชน และเป็นการทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร

แม้ในระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ที่เจ้าตัวจะไม่ออกมาตอบโต้ หลังจากที่ตำรวจแถลงว่าไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตา แต่ก็ยังไม่ยินยอมไปให้ปากคำ เพื่อยืนยันว่าวันนั้นมีการใช้แก๊สน้ำตาจริง ซึ่งการไม่ไปยืนยัน หรือแสดงตัว ทำให้คนมองว่า เรื่องแก๊สน้ำตาไม่ได้เกิดขึ้นจริง และ “เฌอเอม” ก็เป็นอีกคนดังที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย สนใจเรื่องราวของม็อบ 3 นิ้วมาโดยตลอด น่าตั้งคำถามด้วยความแปลกใจว่า ทำไมเจ้าตัวถึงไม่รู้ว่า ในม็อบวันนั้นมีการใช้ความรุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมและการ์ด ได้เตรียมนำอาวุธเข้ามา รวมทั้งมีประทัด อาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง และได้ใช้ขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ลักษณะของสิ่งที่ขว้างจะมีกลุ่มควันปรากฏขึ้นมา ลอยฟุ้งเต็มไปทั่วพื้นที่ และจนทุกวันนี้เจ้าตัวก็เงียบไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย

นอกจากนี้เฌอเอมได้ทวีตถึงเหตุผลที่จะไม่ไปพบตำรวจ โดยระบุว่า ในขณะที่เรื่องตำรวจทำร้ายทีมแพทย์อาสากำลังเป็นประเด็นร้อนแรง ฝั่งทีมแพทย์ออกมาแถลงทุกวัน ตำรวจดันไม่เชิญพวกเขาไปให้ข้อมูล แต่กลับอยากให้ตัวเองไป มองว่าการที่ตำรวจทำแบบนี้ก็เพื่อจะให้ตนเองช่วยกลบข่าว เพราะตนเองโดนด่าได้ทั้งฝั่งบันเทิงและฝั่งการเมือง เป็นนัยยะทางสื่อที่ถ้าดูไม่ออกก็แย่แล้ว ไม่ต้องการให้เกิดกระแส เพื่อนำไปใช้กลบเรื่องที่ควรโฟกัสจริง ๆ ซึ่งตนเองเป็นแค่คนที่ยืนโบกรถอยู่ตรงนั้น แล้วคลิปก็มีอยู่ทั่วอินเตอร์เน็ต ตำรวจไม่จำเป็นต้องเชิญเลยด้วยซ้ำ และตอนนั้นตนเองเองก็วิ่งสุดชีวิต ไม่ได้เก็บตัวอย่างสารเคมีมา การเชิญไปให้ปากคำจึงเป็นเรื่องไร้สาระ

และครั้งนั้นเจ้าตัวโดนทวงคำว่านางงาม โดยหลายคนมองว่าเธอเป็นเพียงผู้เข้าประกวดเท่านั้น ยังไม่ได้ชนะ ซึ่งเฌอเอมก็ตอบโต้กลับว่า ถ้านับอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอผ่านการประกวดไปครึ่งทางแล้ว จะเป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ แต่วงการนางงามได้เงินจากเธอไปเยอะ ก็เท่ากับว่าเธอเป็นนางงาม

เพราะผลิตเม็ดเงินในขณะครองสิทธิ์ผู้เข้าประกวด ถ้าไม่อยากนับเธอเป็นนางงาม ก็ต้องตัดคุณูปการที่เคยทำให้ด้วย เพราะตราบใดที่มันมีอยู่ อิทธิพลและตัวตนของเธอในฐานะนางงามก็ต้องอยู่ด้วย เช่น แพทเทิร์นการตอบคำถามของเธอ ถึงจะหวงคำว่านางงามไม่ให้เธอใช้ แต่ก็คงเถียงไม่ได้ว่าเธอคือผู้เข้าประกวดที่เปลี่ยนวงการนี้ได้ไกลที่สุดในชั่วขณะหนึ่ง โดยที่ยังไม่ชนะ


อย่างไรก็ตามตอนนี้ “เฌอเอม” ได้ฉายาว่านางงามเฟคนิวส์ไปแล้ว และยังชอบตอบคำถามด้วยคำพูดที่สวยหรูมาโดยตลอด จึงถูกมองว่าแท้จริงตัวตนของเธอเป็นคนเฟค ๆ หรือไม่ บวกกับการกระทำล่าสุดของเธอ กลับทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งแต่โพสต์เรื่องโดนแก๊สน้ำตา และนั่งเคารพธงชาติ ว่าที่เธอไม่เหมาะกับการประกวดนางงามนั้น เพราะแท้จริงเธอเหมาะที่อยู่บนเวทีม็อบมากกว่า