งานใหญ่ของหอการค้าไทย-จีนเพิ่งผ่านไปหมาดๆ ได้ข้อสรุปชัดเจนมากว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นแน่ และบทบาทสำคัญที่จะช่วยดันจีดีพี และรายได้ในภาพรวมคือ การส่งออกและการท่องเที่ยว สำหรับการส่งออกณ ปัจจุบันนี้ จีนกลายเป็นตลาดส่งออกสินค้าไทยเบอร์ 1 ไปแล้วในเดือนม.ค.2564 แซงหน้าสหรัฐซึ่งที่ ผ่านมาถือเป็นเบอร์ 1 มาโดยตลอด แนวโน้มสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปจีน 20 อันดับเป็นบวกหมด สะท้อนชัดว่า จีนซื้อสินค้าไทยจริง ทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าเคมีภัณฑ์เป็นต้น สำหรับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมั่นใจว่า ปีนี้ไทยจะส่งสินค้าไปจีนเพิ่มคิดเป็น กว่า 20% ของสินค้าส่งออกโดยรวม ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วแน่นอน
วันที่ 11 มี.ค.2564 นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นด้วยรูปแบบออนไลน์ไปยังคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน เครือข่ายสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีนและสมาคมธุรกิจต่าง ๆ กว่า 60 สมาคม ตลอดจนกลุ่มธุรกิจรุ่นใหม่และชาวจีนโพ้นทะเล รวม 409 คน พบว่า ร้อยละ 60.4 มีความมั่นใจต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนจีนในไตรมาสที่ 2 ที่จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าแม้จะประสบปัญหาโควิด-19 แต่เศรษฐกิจจีนในปี 2564 จะเติบโตมากกว่าร้อยละ 8.1 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยจากการส่งออกและนำเข้าระหว่างไทย-จีน ที่จะฟื้นตัวมากขึ้นตามมา
หอการค้าไทย-จีน ยังเปิดเผยด้วยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของไทยจะเติบโตต่อเนื่องรับอานิสงส์ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยเชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับเข้าไทยหลังนโยบายการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ โดยหอการค้าไทย-จีน คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะเติบโตร้อยละ 2.5 จากธุรกิจดาวเด่น เช่น ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจพืชผลทางการเกษตร ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจเกษตรแปรรูป
สำหรับปี 2564 เป็นปีครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนและยังเป็นปีเริ่มต้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ของจีน(ปี 2564-2568) โดยจีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่า จีดีพีจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 6 และจะสามารถสร้างงานได้มากกว่า 11 ล้านตำแหน่งในเขตเมืองและในอีก 5 ปีข้างหน้าจีนจะยังคงส่งเสริมระบบพหุภาคีและจับมือกับพันธมิตรทั่วโลกจึงเป็นสัญญาณบวกต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลกรวมทั้งไทยด้วย
ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม 2564 การค้าไทย-จีนโดยรวม มีมูลค่า 7,579 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 6.11 โดยไทยส่งออกสินค้าไปจีนเดือนมกราคม มีมูลค่า 2,314 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ขณะที่การลงทุนจากจีนในไทยจากผลสำรวจ 81%ให้ความเห็นถึงแนวโน้มการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจีนจะไม่ลดลง และมีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันเป็นผลมาจากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมถึงการมีวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลจีนได้เริ่มมีการฉีดให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคู่ค่ารายใหญ่อย่างจีนเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งออกของไทยเราขยายตัวดีขี้นด้วย
ในด้านสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังจีนเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในปีนี้ ดูจากรายการสินค้า 20 อันดับแรกต่างขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นบวก ได้แก่
-ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง +107%, ผลไม้สดแช่เย็น-แช่แข็ง +147%, ข้าว +100%, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ +122%, รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ +172%, วงจรพิมพ์ +98%, เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ +66%, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ +42%, แผงวงจรไฟฟ้า +25%, เคมีภัณฑ์+13% เป็นต้น
หอการค้าไทยก็มีความเห็นสอดคล้องกับหอการค้าไทย-จีนถึงบทบาทการค้าการส่งออกระหว่างไทยและจีนมีแนวโน้มสดใส
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และจีนเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนในวงกว้างแล้ว ขณะที่จีนใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศควบคู่การส่งออกไปต่างประเทศ ส่งผลให้จีนต้องการสินค้าน้ำเข้าแบบวัตถุดิบ และสินค้ากึ่งสำเร็จรูปมากขึ้น และไทยเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน หรือซัพพลายเชนที่สำคัญของจีน จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
OECD: Organisation for Economic Co-operation and Development หรือองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจประเมินว่าจีดีพีจีนปีนี้จะโต 7.8% จากปีที่แล้วขยายตัวแค่ 0.1% ในเดือนม.ค.2564 ส่งออกไทยไปจีนจึงขยายตัวสูงเพราะอั้นมานาน ทางหอการค้าไทยประเมินว่าทั้งปีไทยจะส่งสินค้าไปจีนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 % ทำให้สัดส่วนการค้าไทย-จีนโดยรวมเกินกว่า 20%ของปีก่อนๆ
นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย เปิดเผยว่า จีนมีคำสั่งซื้อมันเส้นจากไทยจำนวนมาก ไตรมาสแรก 2564 เฉลี่ยเดือนละ 3 แสนตัน ปีที่แล้วแค่ 8-9 หมื่นตันเท่านั้น ทั้งนี้เพราะจีนต้องการมันสำปะหลังไปผลิตแอลกอฮอล์แทนข้าวโพดที่ราคาสูงขึ้น คาดว่าทั้งปีจะส่งออกมันเส้นไปจีนได้ 4-5 ล้านตัน
สำหรับการส่งออกผลไม้และทุเรียนไปจีนปี 2564 หอการค้าไทย-จีน ประเมินไว้ไม่ต่ำกว่าปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าโดยรวมกว่า 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมียอดสั่งซื้อทุเรียนสด 1,508 ล้านดอลลาร์
คือเมื่อเร็วๆนี้ หอการค้าไทย-จีน ได้ลงนามเอ็มโอยูร่วมกับ นายหลิ่ว หัวลวี่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี ซี ไอ ซี (ประเทศไทย) จำกัด หรือองค์กรตรวจสอบและรับรองแห่งชาติจีนประจำประเทศไทย เพื่อสนับสนุนขยายการส่งออกของสมาชิกหอการค้าไทย-จีน ไปยังตลาดจีน เนื่องจาก ซี ซี ไอ ซี รับตรวจสอบย้อนกลับแหล่งกำเนิดผลิตภัณฑ์ส่งออกสินค้าจากไทยไปยังประเทศจีน และปีที่ผ่านมาภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลจีนได้กำหนดให้อาหารหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่นำเข้าหมุนเวียนในตลาดจีนต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มา และตรวจสอบย้อนกลับได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขายในตลาดได้
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการส่งเสริมส่งออกผลไม้ไปยังตลาดจีนเพิ่มมากขึ้น โดยตัวเลขส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ของไทยไปยังประเทศจีนปี 2563 มีมูลค่า 2,908 ล้านดอลลาร์ มีการขยายตัว 39.43% เฉพาะสินค้าทุเรียนสดรายการเดียว มีมูลค่าถึง 1,508 ล้านดอลลาร์ มีการขยายตัว 77.57% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงมาก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็ตาม เชื่อว่าเป็นผลอาจจากการที่ทางบริษัท ซี ซี ไอ ซี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการการตรวจสอบคุณภาพและตรวจสอบย้อนกลับแก่ผู้ส่งออกทุเรียนไทยอีกส่วนหนึ่ง