แฉต่ออีกรัว ๆ ศิลปินกราฟฟิตี้ เปิดเอกสารฟาดหน้าชัด ๆ ใครอมเงินบริจาคแก๊งม็อบ 3 กีบ

6363

ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดม็อบชุมนุม สำหรับเรื่อง “เงินบริจาค” เพราะที่ผ่านมามีข่าวที่ทำให้ภาพลักษณ์ของม็อบนั้นติดลบเป็นอย่างยิ่ง เพราะบ่อยครั้งที่มีการออกมาแฉกันเองถึงเรื่องโกงเงินบริจาค อมเงินงบจัดชุมนุม หรือแม้กระทั่งการแฉว่าท่อน้ำเลี้ยงม็อบนั่นเองที่เป็นคนอมเงินบริจาค??? และยิ่งทำให้เป็นประเด็นดราม่าไปมากกว่านั้น เมื่อทุกครั้งที่มีการแฉเรื่องอมเงินบริจาคเหล่าแกนนำ กลับนิ่งเฉย ไม่ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจใด ๆ

ซึ่งเรื่องที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในขณะนี้ก็เรื่องที่ว่า กรณี 8 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา ทราย เจริญปุระ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า “ทุกวันนี้เวลาทำงาน (ใช่ยังทำงานอยู่, ยังมีงานอยู่ กำลังจะเปิดกล้องอีกเรื่อง) จะพูดเสมอว่าเอาตังค์ไปทำม็อบ ซึ่งที่พูดนั่นก็ไม่ได้พูดเล่น แต่หมายความตามนั้นจริง ๆ ก็ไล่กันมาเรื่อยตั้งแต่แฟลชม็อบ ม็อบมีเวที ไม่มีเวที มีเครื่องเสียง โดนสลาย หน้ากาก เสื้อกันฝน โดนหมาย รับหมาย เป็ดยาง จะนะ แรงงาน บางกลอย โคราช ขอนแก่น พม่า เชียงใหม่ ป้าย ธง สี เหมืองแร่ ทำแคมป์ ส่งข้าว ส่งน้ำ ห้องน้ำ ดูคนเจ็บ คนไม่เจ็บ ทำงานเดินฯลฯ ดูแลจัดการสุดมือสุดกำลัง

ทุก ๆ การสมทบเราไม่เคยใช้เปลืองเปล่า ทุกปลายทางที่ของไปลงคือเห็นได้ชัดเจน ตัวเราก็ไปทำงาน ทำของเราไป ทำตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เพราะเรารู้ว่าเรารับเอาความตั้งใจของทุกคนที่เขาฝากมาเอาไว้ที่เรา ก็นั่นแหละ บัญชีหมิมเราดูแลคนเดียว คนเดียวจริง ๆ วิธีกระจายงานก็เรื่องนึง แต่ไม่ใช่การกระจายบัญชีแน่ ๆ เรารักน้องทุกคนเท่ากัน พวกเขาเหนื่อยและหนักพอแล้ว เราหวังว่าสิ่งที่เราทำจะช่วยผ่อนอะไรได้บ้าง รู้ว่าทั้งหมดนี้อาจจะไม่มีความหมายอะไรกับใครเลย และเอาเข้าจริงก็ไม่รู้จะพูดอะไร เราคิดของเราง่าย ๆ แค่ว่าเราทำ เราทำอะไรได้จงทำ ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อน้องและผู้กล้าทุกคนที่เดินร่วมทาง”

และล่าสุดเหมือนเรื่องราวจะยังไม่จบง่าย ๆ เมื่อ แป้งศิลปินกราฟฟิตี้ เจ้าของนามแฝงและเพจ “Headache Stencil” โพสต์แฉอีกครั้งถึงเรื่องการอมเงินม็อบพร้อมหลักฐานสลิปว่า ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ผมถือว่าได้ฝึกความอดทนอย่างมาก ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทำเสียขบวนการบลาๆๆ

ผมใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่โต้ตอบใด ๆ เพราะทั้งผู้ใหญ่และน้อง ๆ แกนนำบางคนขอให้หยุดตอบโต้ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายคู่กรณีดันรุกไล่และยัดเรื่องแต่งใส่ไม่จบสิ้น

คนอย่างผมเนี่ยนะ จะมาโจมตีรังมดแดงโดยไม่มีหลักฐานนอกจากการพูดคุย? หากแต่หลักฐานนี้ควรเก็บไว้ใช้ในชั้นศาลจากคำแนะนำทนายหลังจากอีกฝ่ายขู่ฟ้องบนหน้าเฟซบุ๊ก ผมก็พยายามอดทนอย่างสูงสุดต่อการดิสเครดิตต่าง ๆ นานา

แต่วันนี้มันเกินพอแล้วครับ รุ่นน้องที่ผมสนิทในต่างประเทศที่ผมส่งหลักฐานไว้ให้เผื่อกรณีฉุกเฉิน หมดความอดทนต่อคำด่าทอต่อผมไปเรียบร้อย ขอเชิญไปชมหลักฐานทางราชการที่ยืนยันคำพูดของผมว่าไอ้นี่คือ “นักต้มตุ๋นระดับชาติ” ที่มีพฤติกรรมไม่ควรมาอยู่ใกล้เงินบริจาคที่สุด แล้วถ้าลูกหาบยังจะมาบอกว่าผมมั่วอีก แนะนำให้เจ้าตัวไปฟ้องไว ๆ เลยครับ บางส่วนของสลิปหลักฐานนั้นมาจากสลิปเต็มที่เป็นการโอนเงินที่เป็นหลักฐานไว้รอฟ้องครับ คนที่บอกว่านักต้มตุ๋นคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเงินม็อบ ช่วยหาหลักฐานอื่น ๆ มาแย้งนอกจากใช้คำพูดด้วยครับ

ตอนนี้อยากจะด่าอะไรก็เชิญต่อนะครับ ถ้าคิดว่าผมคือคนที่มาทำลายขบวนการ ผมย้ำนะครับ ว่าผมได้มีการพูดคุยหลังไมค์แล้ว แต่หลังการพูดคุย เรื่องราวที่คู่กรณีนำไปเล่ามันเป็นอีกเรื่องครับ เท่ากับไอ้คน ๆ นี้ก็จะยังลอยนวลโดยไม่มีคนรู้ความจริงต่อไป ดูจากโพสต์คร่ำครวญว่าผมไปดูถูกคนเคยติดคุกที่กลับใจบลาๆๆ เรียกความสงสารต่อคนรอบตัว กลับใจเ…ยไร เปลี่ยนชื่อก่อคดีรัว ๆ จนถึงปีที่ผ่านมาก็ยังไม่หยุด จากการที่ต้องมารับรู้ข้อมูลอะไรแบบนี้แล้วจะให้เงียบเฉย ๆ ผมว่านั่นไม่น่าใช่สังคมที่น่าอยู่นะครับ ในส่วนเรื่องของแอมมี่ ใครอยากโจมตีอะไรก็เชิญนะครับ ไม่ใช่แค่ผม ยังมีผู้ใหญ่ที่เคารพและน้อง ๆ ที่ผมสนิทในม็อบหลายคนรู้เรื่อง เท่านั้นผมก็สบายใจละครับ

ถ้าใครยังคิดว่าหลักฐานที่เห็นปลอม เร่งรีบฟ้องเจ้าของโพสต์เลยครับ หลักฐานการโอนเงินของมึงจะได้หุบปากพวกมึงเอง!

ก่อนหน้านี้ ยกแรก แป้งศิลปินกราฟฟิตี้ เจ้าของนามแฝงและเพจ “Headache Stencil” ก็เคยโพสต์ข้อความแฉในกรณีคล้าย ๆ ดังกล่าวว่า ผมต้องขออณุญาติใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงนะครับ

เนื่องจากตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา มีกระแสข่าวปล่อยว่าผมเป็นคนให้เบาะแสกับตำรวจ เพื่อจับตัว “เเอมมี่” เพื่อนของผมเอง ซึ่งสำหรับถือเป็นการปล่อยข่าวดิสเครดิตกลบ “ความลับสำคัญ” ที่แอมมี่บังเอิญสงสัยแล้วส่งต่อความลับนี้สู้คนนอกวงอย่างผมและพี่ต้อมที่เป็นเพียงเพื่อนร่วมเมามายประสาขี้เมา

ความลับสำคัญที่ว่าคือ “เหตุผล” ที่ทำให้แอมมี่โทรหาผมรัว ๆ กลางดึก แต่ผมไม่ได้รับสายตอนแรก เพราะคิดว่ามันจะชวนไปเมามายยามดึกอีก แต่หลังจากที่ผมไม่ได้รับสาย เมสเสจตามภาพด้านล่างก็โผล่มาทันที

ผมจึงโทรกลับไป แอมมี่ได้เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมถึงเรื่อง “การไม่ไว้ใจคน ๆ หนึ่ง” ซึ่งมามีบทบาทมากขึ้นในการออกคำสั่งในช่วงหลัง ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจว่าคน ๆ นี้คือใคร เพราะสนแต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับมันมากกว่า

น่าสนใจที่คน ๆ นี้เป็นใคร ถึงออกคำสั่งกับทีมงานให้ “ต้องเอาตัวมัน(แอมมี่)มาให้ได้หลังจากแมมี่หายไปจากรพ. ซึ่งประโยคนี้เอง ที่ทำให้ผมรับไม่ได้ เพราะในวินาทีนั้น เพื่อนของผมไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่พร้อมจะสู้กับสิ่งใด เสียงที่แฝงไปด้วยความสับสนจากการไม่แน่ใจว่าจะถูกคนกันเองหักหลัง สิ่งที่ควรจะทำคือ “ช่วย” ตามความประสงค์ของมัน ไม่ใช่หาทาง”ล็อคตัว” ผู้ร่วมอุดมการณ์เพื่อส่งให้ตำรวจเพื่อเพียงแค่ “กลัวจะเสียขบวน” จากสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากแอมมี่ถูกตำรวจควบคุมตัวเรียบร้อยแล้ว พี่ต้อมได้เอาภาพหลักฐานภาพหนึ่งที่แอมมี่ได้ให้ทิ้งไว้ลองหาข้อมูลเพิ่ม ก็ได้พบกับสิ่งที่น่าตกใจ คนที่สั่งเด็กให้ไปเอาตัวแอมมี่มาให้ได้ ดันเป็นคนที่มีคดีต้มตุ๋นระดับชาติ แถมคดีนั้นเจ้าของคดีก็เป็นคนนามสกุลเดียวกับ “ไอ้ค้อก” ที่พวกเราคุ้นหูกันดีอีกด้วย ช่างบังเอิญจริง ๆ และหลังจากที่เช็คข้อมูลเพิ่มขึ้น ก็ได้พบกับความอำมหิตกว่าเดิมว่า คน ๆ นี้ได้ออกคำสั่งให้เด็กไปกระทำการก่อความรุนแรง จนเด็กที่ไปทำการถูกติดคุกไปแต่ตัวเองยังลอยนวลสบายใจเฉิบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมยังเลือดเย็นสั่งคนให้เอาตัวเพื่อนกูมาให้ได้อีก

หลังจากที่ผมได้อดทนให้ใจเย็นลง และยังมีความเกรงใจต่อไผ่ และอีกหลายๆคนที่แอมมี่มันรักและห่วง ผมไม่อยากให้ขบวนการนี้เสียหายจากความโง่ของคนไม่กี่คนที่ไม่รู้โดนอะไรบังตา ถึงเอาคนแบบนี้มาอยู่ข้างตัว ข้างเงินบริจาคประชาชน ผมจึงพยายามใช้ทวิตเตอร์ในการสื่อสารอ้อม ๆ เพื่อให้ทางเจ้าตัวรู้ตัว และหาทางจบเรื่องนี้กันให้ได้ ก่อนที่มันจะพังกันไปหมด เพราะผมคนนึงล่ะที่อยากรู้แล้วว่าตกลงเงินบริจาคของประชาชนไม่รู้กี่ล้าน ได้ถูกนำไปใช้อย่างไร พูดตรงๆนะครับ ไม่เคยสงสัยหรอก และก็ไม่สนใจด้วย ว่าแกนนำจะเอาเงินไปใช้ขับเคลื่อนยังไง แต่พอมีคนที่เป็นนักต้มตุ๋นระดับชาติที่มีคดีพัวพันกับคนสำคัญแบบนี้มาอยู่ข้าง ๆ เงินแบบใกล้ชิดมาก ผมก็ไม่สามารถวางใจได้ครับ นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เมื่อใครถามหาการแจกแจงบัญชีเงินบริจาคถึงถูกทัวร์ลง

เมื่อวานนี้ ผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่คนสนิท ประสานให้คุยกับแกนนำคนหนึ่งซึ่งเป็นตัวคนเอาไอ้นักต้มตุ๋นนี่มาอยู่ข้างตัว โดยผู้ใหญ่ที่ประสานแจ้งกับผมว่า “มึงคุยกับมันเถอะ เชื่อกู มันยอมมึงหมดแล้ว” ผมจึงยอมโทรคุยกับทางแกนนำคนนี้

โดยทางแกนนำได้เอ่ยปากขอโทษผมในเรื่องที่มีการสั่งจับตัวแอมมี่ ที่ตอนแรกคิดถึงแต่เรื่อง”กลัวจะเสียขบวน” จนลืมคิดถึงความเป็นพี่น้อง และไม่ได้คิดว่าแอมมี่ทำไปเพราะอะไร ถึงกับใช้คำว่า “พอรู้ว่าป๊าทำไปเพราะอะไร พี่ก็จุก…” ผมบอกเลยครับ ว่าคำนี้บวกกับเสียงสั่นของคนที่ผมคุยอยู่ ทำให้ผมใจอ่อนและยอมช่างแม่งในเรื่องเพื่อนผมไปได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมยืนยันคือเรื่องของไอ้นักต้มตุ๋น ที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีสั่งการให้เด็กสามคนไปยกระดับโง่ๆจนติดคุกเพราะคำสั่งชุ่ยๆของไอ้นักต้มตุ๋นคนนี้ โดยทางแกนนำที่คุยกับผมก็บอกว่าจะให้คนๆนี้ออกไปจากขบวน ซึ่งผมย้ำแล้วว่าต้องให้มันรับผิดชอบต่อกรณีนั้นด้วย ซึ่งก็ได้รับการรับปาก

เหตุการณ์ดูเหมือนจะจบลงด้วยดีจนกระทั่งค่ำของเมื่อคืน ผมได้รับทราบจากศิลปินดังคนนึงว่า เรื่องที่คุยกันตอนเช้า กลับกลายเป็นผม ที่ไปขอโทษแกนนำคนนั้นซะงั้น (วงการบันเทิงอ่ะเนอะ) ผมบอกตรงๆนะครับ ว่ารับไม่ได้กับการตอแหลขนาดนี้ และจากการคุยวันนี้ ก็ดูเหมือนเขาจะเตรียมข้อแก้ตัวพร้อมแล้วล่ะ

ผมคงทำได้แค่อธิบายในส่วนของผมแค่นี้ สิ่งที่ทุเรศที่สุดคือการยัดว่าผมเป็นคนให้เบาะแสกับตำรวจทั้ง ๆที่ ตัวเองนั่นแหละ ที่จะเอาเพื่อนกูยัดคุกเพื่อให้ขบวนการรอดไปหาเงินใช้ต่อ ผมเสียความรู้สึกมากเกินกว่าจะรับได้จริง ๆ ครับ

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องรอติดตามกันต่อไปว่า เรื่องเงินบริจาคม็อบนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป และทางทรายหรือบุ๊ง ปกรณ์ จะออกมาเคลื่อนไหว ตอบโต้แงหรือไม่ และเรื่องนี้กลุ่มมวลชนม็อบสามนิ้วจะมีความคิดเห็นอย่างไร น่าติดตาม!!