พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ได้กลับสตช.แล้ว ขณะนายกฯ เผย ส่งไปให้ต้นสังกัดสอบต่อ!
จากกรณีของเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาแต่งตั้ง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.) ขึ้นเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้น 3 เดือน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ สามารถทวงคืนโฉนดที่ดินจากนายทุนดอกเบี้ยโหดทั่วประเทศให้ประชาชน
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ที่ได้เลื่อนยศเป็น พลตํารวจโท หลังจากเลื่อนยศเป็น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็เดินหน้าปราบนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้อีกหลายพื้นที่ จากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย โดยตลอดทั้งวันที่ 2-7 เม.ย. ไม่มีใครสามารถติดต่อ พล.ต.ท.สุเชษฐ์ได้ นอกจากนี้โซเชียลมีเดียที่เคยใช้สื่อสารถูกปิดลงอย่างมีเงื่อนงำ
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2562 ที่ประชุม ครม.มีมติโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
จนกระทั่งวันที่ 6 มกราคม 2563 ได้เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน รัวยิงประตูรถด้านซ้ายรถยนต์เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ที่จอดอยู่ตรงข้ามร้านสาริกา มาสสาจ ซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก แล้วขี่รถหลบหนี ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน สน.บางรัก และมอบเอกสารโครงการไบโอแมทริกซ์ที่เชื่อว่าเป็นชนวนยิงรถ
จากนั้นได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงลับ คดียิงรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล โดยช่วงหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.วิระชัย ได้ลงพื้นที่บางรัก ไปดูแลคดีและให้ข่าวกับสื่อมวลชน กระทั่งมีคลิปเสียงหลุดชายคนหนึ่งพูดคุยทางโทรศัพท์ไม่พอใจชายคู่สนทนา ลงไปยุ่งกับคดีทั้งๆ ที่มีคนดูแลอยู่แล้ว จนต่อมามีคำยืนยันจากทีมงานโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ คือชายในคลิปเสียง ซึ่งสนทนากับพล.ต.อ.วิระชัย ตามขั้นตอนการปฏิบัติงานตามปกติ
ล่าสุดทางด้าน วันที่ 9 มีนาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับเข้ารับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ไม่ใช่เรื่องการลงนาม ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายและเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะเสนอชื่อมายังนายกรัฐมนตรี เมื่อตรวจสอบแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ ก็ส่งกลับไปสอบต่อ
ส่วนกรณีที่เคยฟ้องนายกฯ แล้วจะกลับมารับราชการได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของเขา และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสามารถกลับมาได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีได้เอาแอลกอฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่าไม่เกี่ยวกันและไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ประเด็นบิ๊กโจ๊ก นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าท่าทางอารมณ์ดี และฉีดแอลกอฮอล์หยอกกับผู้สื่อข่าวอยู่ตลอดเวลา
ทางด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. )กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาดำรงตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า คำสั่งของนายกรัฐมนตรีคือให้พิจารณาทุกคนที่ค้างอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรีเวลานี้ ถ้าเคลียร์ได้ก็ให้พยายามเคลียร์ออกไป ที่ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 60 คน ส่วนรายละเอียดอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาอยู่ ว่ามีใครบ้างที่ไม่มีคดี ถ้าใครยังมีเรื่องติดอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจจะเคลียร์ยาก ถ้าใครไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับ ป.ป.ช.ก็โอเค
กรณีของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สามารถกลับเข้ามารับตำแหน่งของตำรวจได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ตอบคนเดียว เพราะตอบไม่ได้ จะได้หรือไม่ได้ตนไม่ทราบ ต้องถามนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เข้าพบนายวิษณุเป็นระยะๆ นายวิษณุ กล่าวว่า “เขาก็มาทุกอาทิตย์ แต่ไม่ใช่มาเรื่องนี้ และไม่มีการคุยกันเรื่องนี้ เพราะเขาไม่มีสิทธิ์จะพูด”
นี่นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับนายตำรวจอนาคตไกลอย่างบิ๊กโจ๊ก ที่วันนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะกลับมาผงาดในรั้วปทุมวันอีกครั้ง ทั้งที่เคยฟ้องนายกฯแต่ศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องจากการถูกย้ายไปนั่งตบยุงที่ทำเนียบ และนี่เองที่บอกว่าน่าสนใจ เพราะการจะกลับมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะคนที่มีเรื่องด้วยคือนายกฯ แม้ไม่ใช่คู่กรณีโดยตรง ดังนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้ว่ามีการเจรจาอะไรที่ลงตัวแล้วหรือไม่ หรือนี่คืออิทธิฤทธิ์ของโจ๊กที่ยังหวานเจี๊ยบอยู่!?!