จากกรณีที่ ศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์” นักร้องชื่อดังและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 112 วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า แอมมี่ ยังไม่ได้ให้การรับสารภาพ และยังไม่ได้สอบปากคำแต่อย่างใด เบื้องต้นมีความผิดข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และพิจารณาในความผิดมาตรา 112 ส่วนที่มีข่าวว่าไปจับกุมได้ที่รพ.พระรามเก้า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ต่อมา นายไชยอมร ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก The Bottom Blues รับสารภาพว่าเป็นผู้วางเพลิงจริง ระบุว่า การกระทำการเผาในครั้งนี้ เป็นฝีมือของผมและผมขอรับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว และ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเคลื่อนไหว หรือ การเรียกร้องใด ๆ
เหตุผลของผมนั้นเข้าใจง่ายมาก เล่าไปถึงตอนผมโดนจับไปวันที่ 13 ตุลา ปีที่แล้ว เพนกวิ้นคือคนแรกที่โทหาผมบนรถห้องขัง และ ประกาศรวมพลมวลชนทันที แต่กลับกันในครั้งนี้กวิ้น และ พี่น้องของผมต้องติดอยู่ในคุกนานกว่า 20 วันแล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเค้าได้เลย ผมรู้สึกละอายและผิดหวังในตัวเอง
การเผาในครั้งนี้ ผมยอมรับว่าเป็นความคิดที่โง่เขลา และทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ในการเผาครั้งนี้ มีอยู่มากมาย เป็นเชิงสัญลักษณ์ง่าย ๆ ที่หวังว่าทุกคนเข้าใจและจะมองเห็นมัน
ต่อมาเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียลฯ เมื่อมีการแชร์ข้อความที่ระบุว่า “สรุปพรุ่งนี้พระบรมฉายาลักษณ์ 112 จุดทั่วกรุงเทพ โดนเผาโดยไม่ได้นัดหมาย มึงทำตัวเองนะคะคุณตำหนวด”
ขณะที่เรื่องนี้เอง ทางด้าน อธึกกิต แสวงสุข ผู้ใช้นามปากกา “ใบตองแห้ง” โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กด้วยว่า ใครที่บอกว่าแอมมี่ยอมรับผิด ก็อย่าลืมถ้อยคำที่เขาทิ้งท้าย “…ความหมายที่ซ่อนอยู่ในการเผาครั้งนี้ มีอยู่มากมาย เป็นเชิงสัญลักษณ์ง่าย ๆ ที่หวังว่าทุกคนเข้าใจและจะมองเห็นมัน”
ตอนที่เขาออกมาเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ผมก็ยังคิดว่า เขาเป็นแค่นักร้องที่เพิ่งตื่นตัวอย่างฉาบฉวย ตอนที่ยกระดับสาดสีตำรวจ ผมก็ไม่เห็นด้วย คิดว่าใจร้อนเกิน จนมีครั้งหนึ่งได้เจอกัน ไม่ใช่เจอสั้น ๆ เจอหลายชั่วโมง ในวงเสวนาคนรุ่นใหม่ที่ผมได้ไปสังเกตการณ์ ได้นั่งฟังความคิด กลายเป็นทึ่งว่าเฮ้ยผมประเมินผิด เขาศึกษาการเมืองมาเยอะ ไม่ใช่คนเพิ่งตื่นตัว ไม่ใช่เพิ่งตาสว่าง แค่เพิ่งได้โอกาสร่วม เข้าใจการเคลื่อนไหวมวลชน คิดวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน แค่อารมณ์ศิลปินอ่อนไหวร้อนแรง สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะส่งผลอย่างไร แอมมี่ก็ได้ยกระดับการประท้วงขึ้นมาอีกขั้น เพียงแต่ทำให้คนตกใจเพราะไม่คุ้นชิน แม้แต่คนฝ่ายเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับใบตองแห้งที่ออกมาเคลื่อนไหวถี่ยิบในเรื่องการเมืองนั้น เขาคือ นายอธึกกิต แสวงสุข หรืออีกนามปากกาหนึ่งคือ “สหายรื่น” นักวิเคราะห์ที่แฟนๆ ของวอยซ์ทีวีติดตามอย่างเหนียวแน่น โดยชีวิตของเขาอยู่กับการเรียกร้องประชาธิปไตยตั้งแต่วัยรุ่น
อดีตนักหนังสือพิมพ์ เกิดที่นครราชสีมา มีพ่อเป็นครูประจำจังหวัด หลังจบมัธยม 3 โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัยเข้ากรุงเทพฯไปต่อโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แต่เสียนิสัยที่ปกครองตัวเองไม่ได้ ไม่ขยันอ่านหนังสือ ไม่ขยันสอบ การเรียนจึงแย่ พอจบก็สอบติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยนั้นปีแรกยังไม่มีการเลือกคณะ อยู่ไปอยู่มาหลงเข้ากลุ่มกิจกรรมของชมรมวรรณศิลป์ ด้วยความที่ชอบเขียนกลอง เขียนหนังสือ มีคมทวน คันธนู นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ เป็นรุ่นพี่
เรียนอยู่ 2 ปี คะแนนไม่ดีโดนยัดไปอยู่คณะวารสารศาสตร์ที่สมัยนั้นห่วยสุด เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หัวใจของอธึกกิตพองตัวร่วมกับกลุ่มแนวร่วมศิลปินชุมนุมกันอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดที่ดังกึกก้อง พวกเขาต้องเข้าไปหลบในตึกคณะบัญชี อนุวัฒน์ อ่างแก้ว รองประธานชมรมวรรณศิลป์ ที่เป็นเพื่อนรักถูกยิงตายต่อหน้าสะท้อนให้เห็นถึงความอำมหิตของผู้มีอำนาจปกครองประเทศ (ขอบคุณข้อมูลบางช่วงบางตอนจาก cops-magazine)