จากกรณีที่ ศาลอาญาชั้นต้นมีพิพากษาจำคุก ในคดีแกนนำ กปปส. ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.กับพวกรวม 39 คน
โดยคำพิพากษาของศาล ก็มีจำเลยที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเมือง 5 ปี รวม 3 คน รวมไปถึง 3 จำเลย ซึ่งเป็นรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ต้องหลุดจากความเป็นรัฐมนตรี
ซึ่งกรณีนี้ ก็ได้มีการถกเถียงกันว่า นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส ที่หลุดจากความเป็นรัฐมนตรี จะต้องหลุดจากตำแหน่ง ส.ส.ด้วยหรือไม่นั้น ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
โดยในวันที่ 25 ก.พ.64 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สภาฯ คัดคำสั่งศาลอาญาชั้นต้นในคดีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่เกี่ยวพันถึงสถานภาพของ ส.ส. 5 คน โดยมี 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ 3.นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 4.นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และ 5.นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งจะแบ่งออกด้วยกันเป็น 2 กลุ่ม คือ นายณัฏฐพล และนายอิสสระ ซึ่งถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ได้พ้นสภาพความเป็น ส.ส. ตามบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยชี้ไว้ พร้อมให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกาศให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง
ส่วนกรณี ส.ส.เขต รัฐธรรมนูญมาตรา 105 (1) กำหนดให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ส่งเรื่องให้รัฐบาลดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งในส่วนกรณีของ นายถาวร ที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิ เช่นเดียวกับ นายพุทธิพงษ์ ซึ่ง กกต. มีอำนาจยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เหมือนที่เคยยื่นให้วินิจฉัยมาแล้วในหลายๆคดี
ถือว่า สมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายถาวร และนายพุทธิพงษ์ จึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6)
