“อนุทิน” นำทีมตรวจนับวัคซีน แกะกล่องโชว์ขวดแรกของไทย เปิดแผนกระจายล็อตแรก ให้ 9 จังหวัดเสี่ยง

1553

หลังจากที่ช่วงเช้าวันที่ 24 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.05 น. เที่ยวบินของการบินไทย ได้เดินทางจากปักกิ่ง ประเทศจีน มุ่งหน้ายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อนำวัคซีนโควิด “ซิโนแวค” จากจีนมาส่งยังประเทศไทย ล็อตแรก จำนวน 200,000 โดส มีน้ำหนัก 2.6 ล้านตัน

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง บุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาเข้าร่วมรับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคด้วย

ทั้งนี้นายกฯ ได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมมือกัน จนทำให้วันนี้ได้รับวัคซีนโควิด และเตรียมจะรับการฉีดในวันที่ 27 ก.พ. 2564 นี้ ต่อมาได้มีการลำเลียงวัคซีนซิโนแวค มาที่คลังเก็บวัคซีนศรีเพชร ของบริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในการสนับสนุนสถานที่เก็บ และการขนส่งกระจายวัคซีนไปยังสถานพยาบาลที่จะให้บริการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย

ขณะที่ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วยอุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีตรวจนับ และเก็บตัวอย่างวัคซีนที่เข้ามา เพื่อส่งไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งจะใช้เวลา 3 วัน เมื่อทุกอย่างผ่านแล้วจะดำเนินการกระจายเพื่อฉีดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่อไป โดยนายอนุทินได้แกะกล่อง และโชว์วัคซีนตัวจริงล็อตแรกขวดแรก พร้อมกล่าวด้วยว่าขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้วันนี้เราสามารถนำวัคซีนซิโนแวคป้องกันโควิด เข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว รัฐบาลสั่งซื้อไปทั้งหมด 2 ล้านโดส วันนี้เป็นเพียงล็อตแรกที่เข้ามา 200,000 โดส ที่เหลือจะทยอยเข้ามาในเดือนมีนาคม 800,000 โดส และเมษายนอีก 1,000,000 โดส

ทั้งนี้ความสำเร็จในการจัดหาครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มองเห็นความสำคัญของสุขภาพของประชาชนเป็นอันดับแรก เมื่อมีการระบาดในรอบหลังยิ่งทำให้ต้องรีบจัดหาวัคซีนมาควบคุมการระบาดให้เร็วที่สุด สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่นคือความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนของ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ที่ช่วยผลักดันและประสานงานต่าง ๆ กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ขอยืนยันว่าที่เข้ามาในวันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและมาตรการทางการแพทย์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย อย่าเชื่อข่าวลวงหรือเฟคนิวส์ ถ้าวัคซีนไม่ดีไม่มีทางถึงตัวท่าน

“วันนี้เลิกพูดได้แล้วว่าประเทศไทยไม่มีวัคซีนโควิดประเทศไทยช้า ประเทศไทยไม่สามารถดูแลประชาชนร่วมวัคซีนได้ พูดได้คำเดียวว่าวันนี้ประเทศไทยมีวัคซีนในมือมากที่สุดในทวีปเอเชียและถ้านับจำนวนประชากรหรืออัตราส่วนประเทศไทยก็ไม่แพ้ใครในโลกนี้ ”

อย่างไรก็ตามแผนกระจายวัคซีน หลังล็อตแรกส่งถึงไทยแล้ว กระทรวงสาธารณสุข จะวางแผนส่งไปยังพื้นที่ 9 จังหวัดระบาดกลุ่มแรกในช่วงเดือน มี.ค.นี้ เน้นบุคลากรด่านหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยง พร้อมเปิดขั้นตอนการฉีดวัคซีนเข็มแรก

กลุ่มสำคัญก่อนคือจังหวัดที่ 1-9 ประกอบด้วยจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ สมุทร สาครจะได้จำนวน 70,000 โดส บุคลากรด่านหน้า 8,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 6,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 46,000 โดส ประชาชนทั่วไปและแรงงาน 10,000 โดส

– กรุงเทพมหานคร 66,000 โดส บุคลากรด่านหน้า 12,400 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,600 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 47,000 โดส ประชาชนทั่วไปและแรงงาน 5,000 โดส

– ปทุมธานี 8,000 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 3,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 2,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 2,000 โดส ประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1,000 โดส

– นนทบุรี 6,000 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 2,000 โดส ประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1,000 โดส

-สมุทรปราการ 6,000 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,000 โดส ผู้ที่มีโรคประจำตัว 2,000 โดส ประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1,000 โดส

-ตาก (อ.แม่สอด) 5,000 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 3,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 2,000 โดส

-นครปฐม 3,500 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,500 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 1,000 โดส

-สมุทรสงคราม 2,000 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 1,500 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 500 โดส

-ราชบุรี 2,500 โดส บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2,000 โดส เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 500 โดส

เมื่อกระจายแล้ว การฉีดวัคซีน มีอยู่ 8 ขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้

1.ลงทะเบียน (ทำบัตร)
2.ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต
3.คัดกรอง ซักประวัติ-ประเมินความเสี่ยง ลงนามยินยอมรับวัคซีน
4.รอฉีดวัคซีน
5.ฉีดวัคซีน
6.เมื่อฉีดเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้พักสังเกตอาการ 30 นาที
7.และสแกน line official account “หมอพร้อม” และก่อนกลับ
8.จะมีจุดตรวจสอบอีกจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน

จะมีการประเมินผลความครอบคลุมการฉีดวัคซีนและอาการไม่พึงประสงค์และนัดหมายฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ผ่านแอป “หมอพร้อม” เท่ากับแต่ละคนจะใช้เวลาฉีด 37 นาที
วัคซีน ล็อตแรกที่ได้มา 800,000 โดส ไม่ได้ฉีดทั้งหมดเพราะจะกันไว้ 16,300 โดส

สำหรับควบคุมการแพร่ระบาด และฉีดให้บุคลากรในโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วย COVID-19 ด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมาย เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ห่างกัน 2-3 สัปดาห์ เพื่อรอล็อตใหม่มาฉีดเป็นเข็มที่ 2 ไซโนแว็กซ์มาอีก 8 แสนโดสในเดือนหน้า และอย่างที่เรารู้กันว่า ถ้าเข็มแรกฉีดของยี่ห้อไหนไป เข็มที่สองก็ต้องเป็นยี่ห้อเดิม