“หมออั้ม” จวกม็อบ ล่มเพราะเป็นอันธพาลออนไลน์ ปล่อยเฟกนิวส์ ล่าคนเห็นต่าง ชี้แนวร่วมหายเพราะขยับเพดานโจมตีสถาบัน!!

2290

จากกรณีการชุมนุมครั้งล่าสุด ที่หน้ารัฐสภา เกียกกาย เมื่อวันที่ 19 และ 20 ก.พ. 64 โดยเป็นการชุมนุมของกลุ่มม็อบเฟส ที่นัดชุมนุมเพื่อจัดกิจกรรมอภิปรายนอกสภา

มีมวลชน ทั้งที่เป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชนประมาณ 100 คนร่วมชุมนุมโดยผู้ชุมนุมบางส่วน มีการเตรียมหม้อ กะทะมาเคาะเพื่อแสดงถึงการขับไล่เผด็จการ ทั้งนี้ มีการแจกใบปลิวรวม 10 ปัญหามาตรา 112 ด้วย

ต่อมาในช่วงค่ำวันที่ 20 ก.พ. 64 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงผลสรุปการปฎิบัติงานช่วงการชุมนุมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า ผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์เพื่อการชุมนุม และกลุ่มอาชีวะ โดยมีการรวมตัวกัน 2 จุด คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีผู้ชุมนุมจำนวนไม่ถึง 100 คน และยุติการชุมนุมเวลา 20.00 น. จากนั้นได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้ารัฐสภา ก่อนจะยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น.

ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้พบกระทำความผิดหลายข้อหา เช่น ฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบก เนื่องจากพบว่ามีการปิดถนน และ พ.ร.บ.ความสะอาด โดยพบว่ามีการรื้อต้นไม้ในสวนหย่อมจนได้รับความเสียหาย รวมถึงยังมีการติดป้าย และพ่นสีในที่สาธารณะ

ทั้งนี้ จำนวนของผู้เข้าร่วมชุมนุมลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน หากเทียบกับเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการที่เหล่าแกนนำค่อยๆหมดความน่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายอิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม อดีตนักร้อง และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองแนวร่วมม็อบราษฎร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เสียดายม็อบที่เคยจุดติด ในฐานะที่ผมและหลายๆคนสนับสนุนข้อเรียกร้องให้ประยุทธ์ออก สนับสนุนการเริ่มเปลี่ยนแปลงการแก้รัฐธรรมนูญฯลฯ จาก “จิ๊กซอว์ชิ้นแรก” ก่อน ในฐานะที่ได้ร่วมบริจาคช่วยคดีม็อบกับศูนย์ทนายสิทธิ์ฯ และอีกหลายองค์กร ในฐานะที่ร่วมบริจาคอุปกรณ์ป้องกันโควิดทั้งหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์เป็นตันๆ ให้น้องๆพี่ๆ เสมอมา ขอพูดตรงนี้ว่ามีหลายคนคิดแบบผมคือ “เสียดาย” มากครับ

เสียดาย..แต่ไม่หมดหวัง ยังคอยให้กำลังใจในจุดที่เคยสนับสนุนจุดยืนและหลักการผม เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเพดานมันไปไกล และต้องมาเจอ “มาเฟียประชาธิปไตย” ที่ปล่อยเฟกนิวส์รายวัน บูลลี่คนรายคืน คอยล่าแม่มด คอยดิสเครดิตคนคิดต่าง แม้ว่าจะสนับสนุนประชาธิปไตยเหมือนๆกัน มันทำให้เกิดความเสื่อมในกระบวนการ และเกิดความเสี่ยงกับผู้ชุมนุมหลายคน ก็ถอยออกมา เพราะไม่อยากเปลืองตัว คอยมองไกลๆ เอาใจช่วยห่างๆ สนับสนุนเงียบๆ เพราะพูดอะไรไป เห็นต่างตักเตือน ก็โดนบูลลี่ โดนปั่นข่าวปลอมใส่ พาพวกมาลงทัวร์

ล่าสุด หนักถึงขั้นบิดเบือนจุดยืน บางคนเคยปกป้องสิทธิสตรี สิทธิมนุษยชน แต่กลับมาบูลลี่กันเอง เพียงเพราะ “อคติ” หลักการพังทลายหมด ไม่เหลือ

พลังของประชาชน มีมากมายมหาศาล อย่าไปสบประมาท หรือหมิ่นประมาทเขา บางคน เขาไม่ได้ออกไปม็อบทุกครั้ง แต่เขาก็ช่วยเหลือตลอด ทางอ้อม บางคนเหมารถทัวร์จะมานอนม็อบ ก็ต้องหันหัวรถกลับ เพราะความไม่แน่นอน และข้อเรียกร้องที่ไม่ตรงกัน บางคนเคยเป็นคนที่เราเรียกว่าสลิ่ม แต่ครั้งนี้ออกมาไล่ประยุทธ์ ออกมาไล่รัฐบาลกับเรา พอน้องๆโดนปั่นให้เปลี่ยนเพดานข้อเรียกร้องในม็อบมีการบูลลี่ หมิ่นประมาทฯ แบบเกินเลย พวกเขาก็ถอยออกมา พลังมวลชนก็หายไป เราจะเรียกร้องรวมพลังกันได้อย่างไร ถ้าเรายังบูลลี่กันเอง ยังวนเวียนอยู่กับความขัดแย้ง

เชื่อผมเถอะ แบบนี้ไปไม่ได้ไกลแน่ๆ แม้จะเสียดายม็อบที่เคยจุดติด แต่ก็ยังไม่ท้อใจ ที่จะคอยสนับสนุนและแนะนำ ให้กำลังใจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงต่อไป หลายๆคนคิดแบบผม แต่ไม่กล้าโพสต์
เพราะกลัวมาเฟีย กลัวอันธพาลออนไลน์ในคราบนักประชาธิปไตยมาวุ่นวาย แต่ผมไม่กลัว และไม่เคยกลัว

นาทีนี้ต้องยอมรับความจริงได้แล้ว ควรรับฟัง และควรเปิดพื้นที่ในใจให้ผู้ร่วมอุดมการณ์เขาได้แสดงออก ได้แนะนำ ได้ร่วมคิดบ้าง ไม่ใช่เอะอะ ก็ทึกทักว่าเขา “หิวแสง” ทั้งที่คนพูด กินแสงไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม มุมมืดในหัวใจ ไม่เคยสว่างสักที มันย้อนแย้งและทำให้ทุกอย่างแย่ลง ยังมีเวลาตั้งหลัก และลุยต่อครับ

ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจคนฝั่งประชาธิปไตย ตลอดมาและตลอดไป.