อัษฎางค์ฟาดปวิน ใช้คลับเฮาส์ล้างสมอง อ้างไทยรอดถูกล่าอาณานิคมไม่เกี่ยวสถาบัน แต่ความจริง ร.5 คุยรัสเซียช่วยพ้นเมืองขึ้นตะวันตก!!

2763

อัษฎางค์ฟาดปวิน ใช้คลับเฮาส์ล้างสมองอ้างไทยรอดถูกล่าอาณานิคมไม่เกี่ยวสถาบัน แต่ความจริง ร.5 คุยรัสเซียช่วยพ้นเมืองขึ้นตะวันตก

นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” ได้ออกมาบอกว่า ไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นเพราะฝรั่งเศสตกลงกับอังกฤษ ชี้สมัย ร.5 การทูตเหนือชั้น ตัวแปรที่สำคัญคือรัสเซีย ทำให้สองชาติตะวันตกไม่กล้ากับไทย โดยมีการใช้คลับเฮาส์ล้างสมองประชาชนด้วยข้อมูลที่บิดเบือน

จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” ได้ออกมาบอกว่า ไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นเพราะฝรั่งเศสตกลงกับอังกฤษ ชี้สมัย ร.5 การทูตเหนือชั้น ตัวแปรที่สำคัญคือรัสเซีย ทำให้สองชาติตะวันตกไม่กล้ากับไทย โดยมีการใช้คลับเฮาส์ล้างสมองประชาชนด้วยข้อมูลที่บิดเบือน

ล่าสุดทางด้าน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความกรณีที่ชาวเน็ตอ้างคำพูดของนายปวิน  ผู้ต้องหาหลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่อ้างว่าไทยไม่ตกเป็นอาณานิคมของตะวันตกปัจจัยหนึ่งมาจากการที่ฝรั่งเศสตกลงกับอังกฤษว่าให้ไทยเป็นประเทศที่กั้นระหว่างประเทศอาณานิคมของทั้งสองประเทศไม่ใช่เครดิตทั้งหมดของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยระบุว่า

ความจริงที่ปวินไม่ยอมพูดถึง และไม่ยอมพูดให้จบ ผมจะขอมาเล่าความจริงทั้งหมดเอง ตัวละครไม่ได้มีแค่อังกฤษและฝรั่งเศส แต่มีตัวแปรที่สำคัญ นั่นคือ รัสเซีย รัสเซียคือเพื่อนรักที่ ร.5 เดินทางข้ามทวีปไปขอความช่วยเหลือ และรัสเซียคือผู้ที่ทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสไม่กล้ากับไทย ถ้าไทยทำเหมือนจีนและพม่า คือเอาทหารไปรบกับอังกฤษและฝรั่งเศส ไทยเราจะมีสภาพเหมือนจีนและพม่า คือแพ้ยับเยิน และส่งผลให้พม่าสิ้นชาติและสิ้นสภาพมาถึงปัจจุบัน
ร.5 รบกับอังกฤษและฝรั่งเศสด้วย การทูตอย่างเหนือชั้น
รายละเอียดเป็นเช่นไร ผมจะมาเล่าแบบเจาะลึก โปรดติดตามตอนต่อไป รัฐบาลและกระทรวงดีอี จะปล่อยให้เขา ใช้ช่องทางเทคโนโลยี ล้างสมองไปอีกนานแค่ไหน Club house เหมือนจะสร้างมาเพื่อให้ปวินโดยเฉพาะ ให้ปวินมีที่ล้างสมองประชาชน ในขณะที่รัฐบาลนั่งดูปวินกล่อมชาวบ้านอยู่เฉยๆ เขาเปิดห้องใส่ร้ายสถาบันฯทุกวัน พวกท่านทำอะไรกันอยู่ ไดโนเสาร์ยังล้าสมัยน้อยไป แถมทำงานช้ายิ่งกว่าตะพาบ เรามีลุงตูและคุณพี่บีไว้ทำไม อยากรู้จริงๆ
สำหรับข้อมูลที่บอกว่า ประเทศสยามไม่เคยตกเป็นอาณานิคมนั้น เมื่อสมัยยุคล่าอาณานิคมแถบเอเชีย ได้มีมหาอำนาจขาใหญ่จาก ยุโรป เข้ามากอบโกยประเทศแถบเอเชียมากมาย นั่นก็คือ อังกฤษ และ ฝรั่งเศษ รอบด้านของสยาม หรือ ประเทศไทย ตกเป็นเมืองอาณานิคม หรือเมืองขึ้นของ 2 ประเทศนี้จนหมดสิ้น นี่ถือว่า เป็น “การต่อสู้ทางการเมืองที่ฉลาดมาก” และ “การแก้กลยุทธ์” ที่พลิกความเสียเปรียบ ให้ได้เปรียบหรือเท่าเทียมตลอดเวลาต่างหาก
สำหรับ ฝรั่งเศส เคยใช้กลยุทธ์ เรื่องการกดขี่ทางศาสนา และสังหารหมู่บาทหลวง เข้ายึดพื้นที่บางส่วนของจีนสำเร็จมาแล้ว จึงจะลองใช้ไม้นี้กับสยามเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ เนื่องจาก สยามให้เสรีภาพทางด้านศาสนามาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว แต่ในเมื่อฝรั่งเศษต้องการ สยามจึงขีดเส้นแดนรอบนอกของรัฐบรรณาการให้ ฝรั่งเศสจึงรีบคว้าไว้ และคิดว่าได้เปรียบแน่ๆ แต่แล้วไปๆมาๆ กลายเป็นว่าฝรั่งเศสกลายเป็นผู้เซ็นรองรับสถานะรัฐบรรณาการให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสยาม โดยที่สยามไม่ต้องเสี่ยงมีปัญหากับรัฐบรรณาการในการรวมประเทศ
และที่ทำให้ฝรั่งเศสหยุดการล่าอาณานิคมจากประเทศสยาม และทำให้ผู้นำจากฝรั่งเศสยอมรับว่า สยาม ไม่ได้โง่อย่างที่คิด ทำให้กระทรวงอาณานิคมของฝรั่งเศสถึงกับอึ้งกันเป็นแถว และหยุดแผนการยึดดินแดนสยามลง
ส่วนของอังกฤษ ครั้งแรกที่อังกฤษเริ่มเคลื่อนไหวในการคิดเข้ามาหาผลประโยชน์ในสยามถึงกับงง เมื่อราชทูตของอังกฤษกลับมา พร้อมกับสนธิสัญญาแปลกๆที่ทำให้อังกฤษเสียเปรียบ เพราะ บริษัทของอังกฤษต้องจ่ายภาษีให้สยาม มากกว่าให้จีนอีก
อังกฤษรอบนี้มาแผนใหม่โดยการเอาเงินมาล่อ ที่เคยใช้ได้ผลกับราชสำนักชิงมาแล้ว โดยการปล่อยกู้ให้สยามสร้างทางรถไฟในสมัย ร.4 แต่สยามก็ตอบกลับอย่างสุภาพประมาณว่า ไม่เป็นไร เรามีโครงการของเราแล้วในเร็วๆนี้ ขอบคุณมากๆสำหรับข้อเสนอ การเจรจาทางการทูต สยามจะต่างจากประเทศรอบตรงตรงการเรียก ราชินีของอังกฤษ อาจจะดูเล็กน้อยแต่นี่คือจิตวิทยาที่ฉลาดมาก ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์สยาม ทุกครั้งที่ส่งพระราชสาส์น เปิดหัวจะยกให้ราชินีอังกฤษเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และตบท้ายด้วยสหายของเรา ซึ่งแสดงถึงความอ่อนน้อมและเท่าเทียม และการเขียนที่เป็นแบบแผนหลักการที่ยุโรปสมัยนั้นใช้กัน จึงทำให้สยามดูเป็นประเทศศิวิไลประเทศหนึ่งในสายตาอังกฤษยุคหลังๆขณะนั้น
และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้สยามไม่ตกเป็นเมืองอาณานิคมจาก 2 มหาอำนาจ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ก็เพราะมองเกมส์ขาดรู้ว่าประเทศที่สามารถคานอำนาจของ 2 ประเทศนี้จริงๆแล้ว คือ จักรวรรดิออสเตรีย-เยอรมัน และ จักรวรรดิรัสเซีย ต่างๆหาก สยามจึงเลือกผูกมิตร 2 ประเทศนี้ แต่ไม่ใช่ผูกมิตรแบบการทูต เพราะคิดว่าไม่แน่นแฟ้นพอ พระมหากษัตริย์ จึงทรงลงมือเดินทางไปเพื่อผูกไมตรีเอง แบบ กษัตริย์ กับ กษัตริย์ กลายเป็นความสนิทสนมกันระหว่างราชวงศ์ต่อราชวงศ์ เรียกได้ว่าแน่นแฟ้นมากๆ และนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สยามไม่ต้องตกเป็นเมืองอาณานิคมของใคร ถือได้ว่าเป็นการแก้เกมส์ทางการเมืองที่สุดยอดมากๆของสยามจริงๆ
นอกจากนี้ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังได้กล่าวยกย่องในหลวงรัชกาลที่9 ที่ทำไห้รัซเซียยืนหยัดอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน เป็นที่รับรู้ทั่วกันว่าผู้นำโลกมากมาย การยกย่องให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีความรู้ความสามารถมากมาย ปูตินกล่าวว่า”รัสเซียมีข้าวสาลีใช้ในประเทศจนเหลือส่งออกไปขายต่างประเทศได้ ปัจจุบันรัสเซียส่งออกข้าวสาลีมากที่สุดในโลก เป็นเพราะบุญคุณของ King ภูมิพล