หลังจากที่ 4 แกนนำ ไม่ได้รับการประตัวในคดีทำผิดมาตรา 112 ,มาตรา 116 และต้องนอนคุกต่อยาว ๆ โดยมีนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน , นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งทั้งหมดเป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร
โดยเรื่องนี้ทางด้านนายไพศาล พืชมงคล ก็ได้แสดงความคิดเห็นระบุว่า ศาลอุทธรณ์และศาลอาญา มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว 4 แกนนำม็อบกาเหว่า เพราะเหตุ 4 ข้อ คือ
1. ปราศรัยกระทบกระเทือนสถาบัน
2.กระทบกระเทือนจิตใจประชาชนที่มีความจงรักภักดี
3.เป็นคดีมีโทษสูงอาจจะหลบหนี
4.อาจจะทำความผิดซ้ำซาก
รวมเป็นเหตุที่ไม่ให้ประกัน 4 ประการ ดังนั้น การเปลี่ยนผู้ประกันตัว เป็น 2 คนข้างล่างนี้และการใช้หลักประกันเงินคนละ 4 แสนบาท จึงไม่ได้ลบล้างเหตุผลในการไม่ให้ประกันตัว คอยติดตามฟังข่าวเรื่องนี้กันครับ
ต่อมาจึงได้มีข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.พ.) อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และอาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ จะไปยื่นขอประกันตัว 4 แกนนำ ด้วยเงินสด รายละ 400,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 อาจารย์ถือเป็นผู้ร่วมสนับสนุนและอยู่ข้างม็อบราษฎร รวมทั้งแกนนำมาตั้งแต่ต้น
ทำให้หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี ได้วิจารณ์ถึงประเด็นนี้ด้วยว่า ผมคิดว่าดีเหมือนกันครับ ที่อาจารย์อาวุโส ทั้งสองท่านได้ออกตัวแรง ให้เห็นกันชัด ๆ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ น่าจะถึงเวลา ที่อาจารย์ชาญวิทย์ และอาจารย์พนัส ต้องออกมาเป็นแกนนำได้แล้วครับ พร้อมติดแฮชแท็ก #ปฏิรูปอาจารย์มหาวิทยาลัย
ก่อนหน้านี้ตัวหมอวรงค์เอง ได้เปรยไว้ว่า มีคนบอกให้ผมล่าชื่อปฏิรูปอาจารย์และนักวิชาการที่หนุนม็อบ ให้ผมทำแพลทฟอร์ม ล่าชื่อล้านรายชื่อ ถอดถอนอาจารย์ แต่ผมลังเลใจ เพราะคิดว่าเขาคงไม่มีสำนึก พร้อมทิ้งท้ายว่าน่าจะเชิญ 48 อาจารย์ หรือชุด 255 อาจารย์ มานำม็อบเองน่าจะดีกว่า
ทั้งนี้ที่ผ่านมาจะเห็นว่า การเคลื่อนไหวของม็อบแต่ละครั้ง ล้วนมีบุคคลอยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่กลุ่มการเมือง การแทรกแซงจากต่างประเทศ กลุ่มท่อน้ำเลี้ยง และกลุ่มอาจารย์ นักวิชาการทั้งหลาย ซึ่งเมื่อวันที่ศาลได้มีการนัดตัดสิน สั่งฟ้อง 18 แกนนำและแนวร่วมกลุ่ม “ราษฎร” แต่อัยการก็ได้มีคำสั่งใหม่ ให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 8 มี.ค. 2564 แทน เรื่องนี้ก็ทำให้แกนนำราษฎรและอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังหัวร้อน เพราะผิดแผนการที่เคยคาดไว้
แม้ว่าอาจารย์ทั้ง 255 คน และอาจารย์ที่ออกตัวแรงอย่าง นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ และนายพนัส ทัศนียานนท์ จะพยายามลุกขึ้นมาปกป้องเหล่าแกนนำมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกมานำม็อบเองตามคำท้าของฝ่ายคนรักสถาบัน เพราะขนาดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เอง ที่กล้าพูดเรื่องสถาบันบ่อยครั้ง ยังมุดหัวไม่ยอมออกมานำหน้าเด็ก ๆ และแน่นอนว่ามีหลักฐานความเชื่อมโยง ที่แท้จริงแล้วนายธนาธรเป็นเจ้าของม็อบ ไม่ใช่ผู้ชุมนุมทุกคนเป็นเจ้าของ อย่างที่แกนนำพยายามโน้มน้าวปลุกระดม
ส่วนสาเหตุที่อาจารย์ทั้งหลายไม่กล้าออกมานำม็อบนั้น ต้องบอกว่า วันนี้มีภาพให้เห็นชัด ๆ เพราะแกนนำที่ออกมานำม็อบ ต่างคอตกเข้าคุก ใช้ชีวิตอย่างลำบาก แกนนำบางคนยังเรียนไม่จบ อายุน้อย แต่กลับมีคดีติดตัวคนละ 10- 20 คดี เพราะตกเป็นเหยื่อของเหล่าอาจารย์ ที่คลั่งไคล้วัฒนธรรมฝรั่ง ลืมรากเหง้าความเป็นไทย เหมือนกับคำพูดหนึ่งที่หมอวร
ค์ได้กล่าวว่า “ถ้าแน่จริง ให้หยุดสอน มาร่วมกับม็อบ หลังจากที่อาจารย์เหล่านี้ หลบหลังม็อบมานาน อยากรู้เหมือนกันว่า อาจารย์เหล่านี้จะกล้ากับ มาตรา 112 ไหม” แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวจากอาจารย์หนุนม็อบ เพราะเอาแต่หลบหลังเด็กในทุก ๆ การชุมนุมที่ผ่านมา นั่นก็หมายความว่า แม้แต่ตัวอาจารย์เองก็รักตัว กลัวตาย ไม่กล้าออกมาเสี่ยงกับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในม็อบ ทั้งป่วนจัดฉาก ปาระเบิด ทำลาย ยิงกันเอง และความเน่าเฟะทั้งหลายที่เกิดจากพวกเดียวกัน
และเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภาก็ออกมาเคลื่อนไหวกันน้อยนิด ม็อบจุดไม่ติดอย่างที่แกนนำคุยโว ก็พลอยทำให้อาจารย์หนุนม็อบผิดหวังไปตาม ๆ กัน จากสัญญาณหลาย ๆ อย่างที่มีนักวิชาการได้วิเคราะห์ไว้ ว่าม็อบใกล้ถึงจุดจบ สักวันจะสิ้นชื่อ ทยอยติดคุกไปทีละคน สองคน ล้วนหนีคดีและผลการกระทำไม่พ้น ซึ่งเรื่องง่าย ๆ แค่นี้เหล่าอาจารย์ทราบดี เรื่องอะไรจะยอมติดคุกเอง สู้อยู่เบื้องหลังหลอกเด็กไปออกหน้า แล้วตัวเองรอดูความสะใจดีกว่า แต่อีกไม่นานทั้งก๊วน ไม่ว่าจะเป็นนาย เป็นบ่าว หรือแนวร่วมข้างไหน
ก็ต้องพ่ายแพ้และรับผลกรรม เพราะจำนวนคนที่อยากจะปฏิรูปสถาบัน เทียบไม่ได้กลับคนไทยที่เหลือกว่า 70 ล้านคน ที่มีใจรักชาติบ้านเมือง แม้จะเป็นพลังเงียบ แต่ก็พร้อมจะลุกฮือปกป้องสถาบันอย่างแน่นอน แม้เหล่าอาจารย์จะรู้ว่า ทั้งแกนนำและมวลชนสู้ต่อไปก็ไม่ชนะ แต่ก็ต้องฝืนเดินเกมต่อ หลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมที่เหล่าอาจารย์กำลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว ให้กระทำผิด ต้องบอกว่าน้อยคนที่จะเอามาวิพากวิจารณ์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกว่า มีกลุ่มบางคนกล้าที่จะด่าเจ้า แต่ไม่ด่าคนโกง ถ้าครูเป็นแบบนี้ เลือกทำแบบนี้ ป้อนยาพิษลูกศิษย์ แล้วลูกศิษย์จะถูกดึงไปทางไหน สิ่งที่ต้องบอกครูเหล่านี้คือว่า ไม่ต้องเสียเวลาเลย “ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้น”ถ้าไม่เชื่อมั่นแนวทางนี้ ให้ลาออกไปได้เลย เสียดายภาษีประชาชนเปล่า ๆ