เปิดชีวิต4แกนนำในคุก กวิ้นทรมานขับถ่าย-อานนท์กินอาหารไม่ได้-สมยศป่วยหัวเข่าเสื่อม-หมอลำแบงค์ ครวญถึงร่ำไห้

8229

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัว 4 แกนนำกลุ่มราษฎร คือ เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, หมอลำแบงค์-ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ภายหลังศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยจำเลยทั้งสี่เป็นจำเลยในคดีกรณีการชุมนุม #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดมีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “ในนามของความสงบเรียบร้อย” ได้โพสต์บันทึกของทนายจากการเข้าเยี่ยม 4 แกนนำม็อบ คือ เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, หมอลำแบงค์-ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ขณะถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

โดยมีรายละเอียดว่า 15-02-64 เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ พี่สมยศหลังจากศาลไม่อนุมัติประกันตัว ถูกส่งตัวไปถึงเรือนจําฯ ห้อง 7 (ทั้ง) ถูกขังในห้องกักกันโรค ขนาด 5×15 ม. รวมกับผู้ต้องขังคดีอื่น ๆ จํานวน 25 คน รับผ้าห่ม 3 ผืน ใช้ปูนอน หมอน ห่ม

พริษฐ์ น้ำหนัก 95 กิโลกรัม ใช้ชีวิตยากลําบาก ตั้งแต่เสื้อผ้าไม่มีขนาดเท่าร่างกาย ใช้ชีวิตยากลําบากในการนั่งกิน อาบน้ำ ขับถ่าย เนื่องจากในห้องขังมีห้องน้ำห้องเดียว ห้องน้ำหัวโผล่ ทําให้พริษฐ์ทุกข์ทรมานจากการขับถ่าย อาบน้ำ เครียด นอนพื้น

สมยศ นอนกับผ้าห่มผืนเดียว ปวดหลังมาก หัวเข่าเสื่อม ยากลําบาก ทรมานกับการนั่งพื้น

อานนท์ ยังไม่สามารถสั่งอาหารกินเองได้ กินวันละ 2 มื้อ ไม่คุ้นเคยอาหารการกิน

ปติวัฒน์ ถูกคดี 112 ไม่เป็นธรรม ทําให้เศร้า ร้องไห้ หวังว่าจะได้พูดเรื่องราวของเขาให้ศาลฟัง

แม้ว่าจะเจอกับความยากลําบาก แต่มีกําลังอย่างเต็มใจอย่างเต็มที่ ที่จะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมและสิทธิเสรีภาพ อย่างถึงที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนของ เพนกวิน พริษฐ์ นั้น วานนี้ (19 ก.พ. 2564) มีรายงานว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาต่อแกนนำม็อบอย่างเพนกวิน ในความผิดตามมาตรา 112 จากการใส่ร้ายในหลวงรัชกาลที่ 7 ว่า 18 ก.พ. 2564 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ พนักงานสอบสวนจาก 3 สถานีตำรวจภูธรในจังหวัดเชียงใหม่เข้าแจ้งข้อกล่าวหาแก่ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ และอานนท์ นำภา จำนวนคนละ 2 คดี ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และข้อหาตามมาตรา 14 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 สำหรับพริษฐ์

คดีแรก เหตุจากโพสต์เฟซบุ๊กของพริษฐ์เกี่ยวกับการซื้อขายพระแก้วมรกต โดยพนักงานสอบสวนสภ.สันทราย แจ้งข้อหามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมฯ แก่พริษฐ์ โดยผู้กล่าวหา คือ เจษฎา ทันแก้ว

คดีต่อมา คือ คดีชุมนุม #เชียงใหม่จะไม่ทน ที่ประตูท่าแพ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 63 ซึ่งอานนท์เคยถูกจับกุมตามหมายจับในคดีนี้ ตามข้อหามาตรา 116 ก่อนที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีมาตรา 112 กับอานนท์ เหตุปราศรัยถึงทรัพย์สินกษัตริย์

คดีสุดท้าย คือ คดีจากกิจกรรม “ปาร์ตี้ริมเขา เป่าเค้กวันเกิด พลเรือเอกก๊าบๆ” ที่ลานหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่ม “ประชาคมมอชอ” เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 63 โดยทั้งอานนท์และพริษฐ์ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวถึงประเด็นทรัพย์สินของกษัตริย์ และงบประมาณสถาบันกษัตริย์  ก่อนจะถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 จากพนักงานสอบสวนสภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์

อย่างไรก็ตาม จากบันทึกดังกล่าวย้อนไปที่ก่อนหน้านั้น วันที่ 9 ก.พ. 2564 ขณะเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัว พริษฐ์ อานนท์ ปติวัฒน์ และสมยศ ส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้ง 4 คนนั้นมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างชัดเจน โดยในตอนนั้นเฉพาะพริษฐ์ และอานนท์ แต่ยังชู 3 นิ้วสื่อสารไปยังมวลชนที่อยู่ด้านนอกด้วย