Truthforyou

เบื้องหลังสามกีบ แห่ยอมรับ ม็อบเพิ่มระดับรุนแรง “อานนท์” ปลงตกคาคุก “ไม่มีทางชนะ”

ตาสว่างหรือยัง!! เบื้องหลังสามกีบ แห่ยอมรับ ม็อบเพิ่มระดับรุนแรง “อานนท์” ปลงตกคาคุก “ไม่มีทางชนะ” โดยใช้ความสกปรกเลวทราม ต่อสู้กับรัฐ!!

เชื่อว่าหลายๆคนที่ติดตามข่าวการเมืองนอกสภาฯ ไม่แพ้กับในสภาฯ การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ได้มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยังพูดอยู่เสมอว่า “ชุมนุมด้วยความสงบ” จนกลายเป็นคำพูดติดปาก ของคนที่สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว “ม็อบคณะราษฎร” ได้ถูกยกระดับจากการชุมนุมด้วยความสงบ เข้าสู่การก่อจลาจล โดยได้เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในกลุ่มผู้สนับสนุนต่างปิดหูปิดตา และยังตะโกนคำติดปากออกมาตลอดเวลาว่า เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชนมือเปล่า ม็อบชุมนุมด้วยความสงบ

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ต้นปี 64 ที่ผ่านมานี้ จะเห็นได้ว่าผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ ที่มีเพียงแค่โล่ เกิดการปะทะกันในทุกครั้ง กลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะการ์ด มักจะมีอุปกรณ์เตรียมพร้อมเสมอในการปะทะยั่วยุเจ้าหน้าที่ให้ตอบโต้พร้อมทั้งนำภาพที่เจ้าหน้าที่บุกจับผู้กระทำความผิดไปโจมตีพร้อมเรียกร้องความชอบธรรม ผ่านโลกโซเชียล วิธีการแบบนี้เริ่มถูกเปิดเผยเรื่อยๆ จากผู้สนับสนุนที่เริ่มไม่พอใจวิธีการของม็อบ ในการยกระดับความรุนแรง

ซึ่งหากย้อนไปในวันที่ 13 ก.พ.64 ถือว่าเป็นหนึ่งในวันที่ชัดเจนสุดๆว่า ผู้ชุมนุมยกระดับความรุนแรง และพร้อมจะแรงมากกว่านี้อีกด้วยซ้ำ โดยได้มีกลุ่มผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบต่างเดินขบวนออกมาแฉกันเป็นแถวๆถึงความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ทองย้อย อดีตหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลม็อบ ได้โพสต์เหตุการณ์ในวันดังกล่าวไว้ว่า

“ครูใหญ่เข้าไปเจรจากูก็เข้าไปด้วย ข้างนอกก็เฮิ่มๆๆๆ จะบวก จะบวก ส่วนรถเครื่องเสียงใครไม่รู้แม่งนับถอยหลัง 10-9-8-7-6-5-4-3-2-1 สิ้นเสียง 1 ระเบิด ประทัดยักษ์ ขวดน้ำสารพัดลอยมา ทั้งๆที่กู ครูใหญ่ ยังอยูในฝั่งตำรวจ กูนี่มุดหัวซุกหัวซุน กับครูใหญ่ นักข่าว พอหลุดออกมาได้ด่าแม่งโลด เขวี้ยงหาพ่องงมึงหรือ พวกกูยังอยู่ข้างในกันอยู่เลย แล้วถ้าหล่นใส่หัวพวกเดียวกันเอง จะว่ายังไงว๊ะะ โมโหเหี้ยๆ แม่งไม่ประสานกันเลย แบบนี้แม่งเละเหี้ยๆ แล้วก็อ่านต่อในรูปที่แปะมานะครับ มีคนเล่าต่อแล้ว เพราะที่เขาเล่านั่นกูก็เห็นแบบนั้นเหมือนกัน อย่าด่ากูนะ กูเล่าแล้วนะ”

ต่อมาในวันที่ 14 ก.พ.64 ทางด้านของ “นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ผู้ต้องหาหนีคดี ได้โพสต์ข้อความ ถึงการประเมินผ่านทวิตเตอร์ @somsakjeam โดยมีเนื้อหาสื่อไปในทางยอมแพ้ และมองว่าม็อบยังไม่มีความพร้อม เนื่องจากผู้ร่วมชุมนุมเริ่มลดลงแบบบางตา แถมยังเริ่มมีความรุนแรงเกิดขึ้นในทุกครั้งที่มีการชุมนุม ม็อบเริ่มหมดความชอบธรรม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

“ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา
นอกจากนี้ เฉพาะหน้า มีเพื่อนเราถูกจับ ไม่ให้ประกัน
เราต้องยึดมั่นในใจไว้ให้ดี การปะทะตอนนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”

หลังจากนั้นในวันที่ 16 ก.พ.64 ทางด้านของ “น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” หรือ “รุ้ง” แกนนำราษฎร ก็ได้ออกมายอมรับและขอโทษ ที่บริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งเกินไปจากการควบคุมดูแลของเรา เราไม่สามารถดูแลสถานการณ์ได้

ล่าสุดในวันที่ 18 ก.พ.64 ทางด้านของ นายอานนท์ นำภา 1 ใน 4 แกนนำม็อบ ที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้โพสต์ข้อความเตือนให้ม็อบหยุดใช้ความรุนแรง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ถึงมิตรสหายทุกท่าน
เป็นความยากลำบากในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องชอบธรรมทั้งปวงในเวลานี้เพราะพวกเขามีทั้งปืนและกฎหมายเป็นเครื่องมือ การจะล้างคราบความสกปรกเลวทรามโดยใช้ผ้าหรือน้ำที่มีความสกปรก ย่อมส่งผลให้ไม่สามารถทำให้ความขาวสะอาดเกิดขึ้นมาได้ เราต้องใช้ผ้าที่สะอาดและน้ำที่สะอาดในการชะล้างความสกปรกเลวทรามเหล่านั้น

การต่อสู้ทางการเมืองก็เช่นกัน การใช้ความรุนรงเข้าต่อสู้กับรัฐที่ยั่วยุให้ใช้ความรุนแรง ไม่สามารถนำชัยชนะมาสู้ขบวนได้ มีแต่จะทำให้ขบวนของเรานับถอยหลังสู่ความพ่ายแพ้เท่านั้น ขอให้มิตรสหายทุกท่าน ช่วยกันยืนยันและมั่นคงในหลักการไม่ใช้ความรุนแรงในการชุมนุม ใช้ความมุ่งมั่นและความจริงใจ ใช้หลักการเหตุผลที่เหนือกว่า เพื่อเอาชนะพวกเขาเหล่านั้น
คุกขังผมได้แค่ร่างกายแต่หัวใจจะยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องในที่ชุมนุม
เชื่อมั่นและศรัทธา
อานนท์ นำภา
18 ก.พ. 64
เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า การชุมนุมที่อ้างว่า มาด้วยใจและชุมนุมอย่างสงบนั้น ไม่เป็นความจริง และชัดเจนว่าผู้ที่พยายามพูดคำนี้ออกมาในการปราศรัย กำลังโกหกประชาชน เพื่อหวังให้ประชาชนออกไปเป็นโล่ให้กับกลุ่มแกนนำ ที่คิดจะใช้แผนสกปรก ก่อจลาจร และประชาชนที่มาร่วมด้วยก็รับผลกรรมไปด้วยเท่านั้นเอง

Exit mobile version