ย้อนพฤติกรรม พิธา ชายผู้สง่างามพันคดี ทำร้ายอดีตภรรยา มาวันนี้อุ้มเจ๊เจี๊ยบ หานายกฯรังแกสุภาพสตรี

5741

จากกรณีในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

ทั้งนี้ สิ่งที่ถูกพูดถึงและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากนั่นคือ เมื่อนางอมรัตน์อภิปรายเสียดสีพล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่า ช่วงนี้ดูตัวยาว แขนยาว ขึ้นไม่รู้ว่าไปโหนอะไรมา

ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงว่า หลายเรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งปปช. ศาลรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างชัดเจน ประเด็นสำคัญ ขอขอบคุณที่บอกว่า ผมตัวผอมลง สูงขึ้น แสดงว่าท่านห่วงใย ผมก็ห่วง ท่านเหมือนกัน เพราะตัวท่านก็เตี้ยลง ทุกวัน ๆ เพราะไปหลบอยู่หลังม็อบทุกวัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด นายพิธา​ ลิ้มเจริญรัตน์​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ​ 2​ วันที่ผ่านมา​ ว่า​ ในภาพรวมเรายังยืนยันความเข้มข้นและเข้มแข็ง ให้เป็นไปตามหลักฐานและเหตุผลที่นำมาอภิปรายตามที่ได้ยื่นญัตติไป โดยคนที่กำลังจะอภิปราย ขอให้มีสมาธิอย่าหวั่นไหว อย่าได้กังวลต่อการประท้วง หรือการเสียดสี

ที่ผ่านมาเชื่อว่า ส.ส. ของพรรคทำได้ดี เช่น​ นายวิโรจน์ ​ลักขณาอดิศร​ ที่พอโดนยั่วโมโห​ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสิ่งที่อภิปราย จะเห็นว่าไม่ได้โต้ตอบอะไร​ เรายังยึดในผลประโยชน์ของชาติและประชาชน อย่างเรื่องวัคซีน​ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ และรมว.กลาโหม ตอบไม่ค่อยตรงคำถามกับสิ่งที่เราพยายามพูดไป

เรื่องการทุจริต​ เรื่องการเอื้อประโยชน์นายทุน การใช้นิติรัฐนิติธรรมไปเอื้อพวกพ้องของตนเอง การบริหารงานล้มเหลว ทั้งเรื่องวัคซีน​ แรงงานการลงทุน​ เศรษฐกิจ โดยในการอภิปรายวันนี้จะพูดเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย การใช้อำนาจของรัฐในการเอื้อนายทุน เอื้อพวกพ้องของตนเองจนทำให้ประเทศชาติเสียหาย

นายพิธา​ กล่าวอีกว่า​ ส่วนกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ พรรคก้าวไกล มีคำถามต่อเรื่องของภาษี การไม่จ่ายค่าน้ำ​ ค่าไฟของนายกฯ ซึ่งนายกฯไม่ได้ตอบโดยตรง นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ตอบโดยตรง เพราะเราไม่ได้พูดเรื่อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นนายกฯต่อได้หรือไม่ แต่เราพูดเรื่องศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยกรณีของค่าน้ำ​ ค่าไฟ ภาษี และการรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท เมื่อถามไปไม่มีการตอบ แต่จะปิดตาด้วยกฎหมายแทน

จะเห็นได้ว่านายสุภรณ์​ อัตถาวงศ์​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พยายามใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาปิดปากนางอมรัตน์ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเอกสิทธิ์ในการอภิปรายของ​ ส.​ส. ตนได้คุยกับนางอมรัตน์แล้วว่าในฐานะหัวหน้าพรรคจะยืนเคียงข้างกับลูกพรรค ดังนั้น​ ให้นางอมรัตน์รีบไปรับคำร้องมา จะได้รู้ว่าถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างไร เพื่อจะได้ให้ทีมกฎหมายของพรรคเตรียมต่อสู้ด้วยข้อกฎหมาย แต่ตอนนี้ที่เราสามารถทำได้ทันทีคือ จะถามไปยังผู้เสียหายโดยตรง คือนายกฯ ว่าเห็นด้วยกับการกระทำอย่างนี้หรือไม่ และได้มอบอำนาจไปหรือไม่ เพราะการกระทำแบบนี้คิดว่ามันไม่สง่างามสำหรับชายชาติทหาร และกับคนเป็นนายกฯ ที่จะทำอย่างนี้กับส.ส.ที่เป็นสุภาพสตรี

อย่างไรก็ตาม จากการออกมาวิจารณ์นายกฯ ของนายพิธาที่ว่าอย่าการกระทำแบบนี้ไม่สง่างาม เพราะเป็นการรังแกสุภาพสตรี ทำให้เกิดคำถามตามมาจากคนในสังคมว่าคือพฤติกรรมที่ย้อนแย้งหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายพิธายังเคยมีเรื่องฟ้องร้องกับอดีตภรรยาอย่าง ต่าย ชุติมา โดยนายพิธากับ ต่าย ชุติมา มีปัญหาก็คือ ความขัดแย้งในครอบครัว จนนำมาสู่ความรุนแรง เริ่มจากนายพิธาเป็นโจทก์ฟ้องอดีตภรรยา ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ ในคดีฟ้องหย่าขออำนาจปกครองบุตร ซึ่งศาลตัดสินให้นายพิธาเป็นผู้ได้สิทธิเลี้ยงดูลูก

ต่อมาต่าย ชุติมา ยื่นฟ้องนายพิธาในคดีคุ้มครองสวัสดิภาพเรื่องความรุนแรงในครอบครัว กล่าวหาโดนนายพิธาทำร้ายร่างกาย โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้นัดไต่สวนทั้งสองฝ่าย โดยใช้เวลาในการไต่สวนนานกว่า 11 ชั่วโมง แต่หลังจากพิจารณาแล้ว ศาลไม่รับฟ้องคดี ด้วยเห็นว่า มีการกระทำความรุนแรงกันจริง แต่ไม่ถึงขั้นเป็นความรุนแรงภายในครอบครัว

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ บัวปทุม นายปดิพัทธ์ สันติพาดา และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล นำเอกสารหลักฐานมาที่ศาลอาญา เพื่อยื่นฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นด้วยการโฆษณา และ ความผิดฐาน แจ้งหรือกล่าวหาอันเป็นความเท็จกว่าพรรคการเมืองกระทำความผิดกฎหมายพรรคการเมือง และ ยื่นฟ้องนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ในความผิดฐานหมิ่นประมาณด้วยการโฆษณา

โดย นายณัฐวุฒิ  เปิดเผยว่า กรณีของนายแพทย์วรงค์ จะฟ้องในเรื่องการแถลงข่าวที่มีการพาดพิงถึงพรรคก้าวไกล รวมทั้งการนำข้อมูลโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ทำให้พรรคเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งทางพรรคจำเป็นต้องปกป้องสิทธิชื่อเสียงและสมาชิกของพรรคที่ได้รับผลกระทบจากการให้ข้อมูลดังกล่าว โดยจะฟ้องในคดีอาญาและเรียกร้องค่าเสียหายในคดีทางแพ่ง 24,062,475 บาท