“อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ฟันธง ส.ส.เตรียมลุกฮือป้องสถาบันฯ นอกสภา “สามกีบ” เดินเกมผิด 20 กุมภา ม็อบกริบ ไม่ใหญ่จริงตามคำคุย

2453

เป็นประเด็นที่ต้องพูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่ทางด้านสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 (รัชดาภิเษก) ได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง 18 แกนนำและแนวร่วมกลุ่ม “ราษฎร” มาเป็นวันที่ 8 มี.ค.นี้ เกี่ยวกับกรณีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ผิดมาตรา 112, มาตรา 116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

โดยน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ พร้อมผู้ถูกกล่าวหาจากคดีการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2563 ที่ใช้ชื่อกิจกรรมว่า “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ตามนัดฟังคำสั่งฟ้อง 18 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ในความผิดมาตรา 112, มาตรา 116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ขณะที่นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ขอเลื่อนเข้าพบอัยการ เนื่องจากอยู่ระหว่างทำกิจกรรมเคลื่อนขบวนเดินเท้าจาก จ.นครราชสีมา เข้ามากรุงเทพฯ

ซึ่งเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ได้เปิดเผยก่อนพบพนักงานอัยการ ว่า รู้สึกกังวลใจในคดีนี้ เพราะอาจเหมือนกับกรณีแกนนำ 4 คนที่ศาลไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปกระทำผิดซ้ำ

เมื่อถึงเวลานัด พนักงานอัยการแจ้งเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องไปเป็นวันที่ 8 มี.ค.2564 เนื่องจากเมื่อรับสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนแล้ว จำเป็นที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนคดีว่ามีรายละเอียดครบถ้วนสำนวนสมบูรณ์พอให้พิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ ทำให้ทั้ง 17 คนไม่ต้องลุ้นผลการประกันตัวชั่วคราว จากนั้นทุกคนทยอยเดินทางกลับ


ทั้งนี้ประเด็นหลังจากที่อัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง ต้องบอกว่าเรื่องนี้ก็ทำให้แกนนำราษฎรและอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังหัวร้อน ผิดแผนการไปตาม ๆ กัน จากตอนแรกจะใช้เรื่องอัยการสั่งฟ้องคดีม.112 มาเป็นชนวนเรียกมวลชนให้ออกมาชุมนุมในวันที่ 20 ก.พ. 2564 นี้

โดยล่าสุดทางด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุเนื้อหาว่า สองประสาน​ ? พร้อมเล่าต่อไปด้วยว่า

มันมีความผิดปกติที่น่าสนใจว่า ปรากฏการณ์ที่​เห็น​ เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นแผนที่วาดฝันกันไว้ สร้างแนวรบสองสนาม ในสภาและบนถนน

ฝ่ายค้านเสนอญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกและคณะรัฐมนตรี แต่​ที่ผ่านมา​ ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่นักการเมืองเขียนญัตติหมิ่นเหม่ที่จะอภิปรายโฉบเฉี่ยวถึงสถาบันฯ นอกจากนั้น​ มันช่างประจวบเหมาะอะไรขนาดนั้น ที่มี​ ส.ส. เสนอร่างแก้ไขมาตรา​ 112 ซึ่งแน่นอนต้องมีการอภิปรายพาดพิงถึงสถาบันฯอีกเช่นกัน ทั้งสองเรื่องนี้ คาดได้เลยว่า ส.ส.ที่จงรักภักดี​ คงไม่ยอมต้อง

มีการประท้วงจนวุ่นวายไปทั้งสภา ส่วนอีกแนวรบ ม็อบสามนิ้วตั้งธง 112 ชัดเจน​ ตั้งเป้าลงถนนนับหนึ่งถึงล้าน​ ชัดเจนว่า 20 กุมภา​ ในสภาจะลงมติไม่ไว้วางใจ​ นอกสภานัดลงถนน มันช่างเหมาะเจาะอะไรจะขนาดนั้น คาดไม่ได้ว่า จะวุ่นวายประมาณไหน ฝ่ายค้านตีรวนวอ​ร์คเอ้าท์​ ? ไม่ร่วมลงมติ ออกมาหาพวกนอกสภา

พลังสามนิ้วนับวันยิ่งถดถอย สร้างแต่ความรุนแรง​ ยั่วยุ​ คนร่วมชุมนุมลดลงอย่างน่าใจหาย พระอาจารย์ใหญ่เจียมถึงเอ่ยปากว่า หมดแล้ว สู้พลังคนที่จงรักภักดีไม่ได้ อย่าดันทุรัง จุดไม่ติด​ คนไม่ร่วม อาจารย์มหาวิทยาลัยกลัวคนน้อย เสนอให้นัดหยุดงานทั่วประเทศ​ คงคิดว่า พม่าทำได้ ทำไมคนไทยจะเอาอย่างไม่ได้ ขอแรงพี่ศรีหน่อยได้มั้ย

เกมง่าย ๆ อย่างนี้ เห็นไส้เห็นพุงหมด อัยการปลดชนวน เลื่อนสั่งฟ้องคดี 112 ออกไปอีกเดือน แกนนำอดนอนคุก หมดเงื่อนไขเรียกแขก 20 กุมภา​ ประสานสองแนวรบลดพลัง สงสัยผิดแผน ?

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้สมศักดิ์ เจียม ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา นอกจากนี้ เฉพาะหน้า มีเพื่อนเราถูกจับ ไม่ให้ประกัน เราต้องยึดมั่นในใจไว้ให้ดี การปะทะตอนนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็ยังมีความย้อนแย้ง ที่อยู่ ๆ ก็บอกว่า กลุ่มคนรักสถาบันมีไม่มากพอ พร้อมขยายความไปว่า พวกที่กระตือรือล้นในการเชียร์สถาบันฯ พวกนี้อันที่จริงมีไม่มาก แต่กระตือรือล้น สนับสนุนมาตรการเด็ดขาดเท่านั้น

จนเริ่มมีคนรักสถาบันฯ ที่เป็นพลังเงียบ ลุกฮือในโซเชียลว่า ก็เพราะกลุ่มนี้แหละ ที่ทำให้นายธนาธรแลนด์สไลด์กลบตัวเอง คือมันชัดเจนในตัวมันเอง ว่ามีมากหรือน้อย เพราะที่แกนนำพยายามโหมความรุนแรงในม็อบ ก็เพราะรู้ว่าสู้พลังเงียบที่รักสถาบันไม่ได้