ยังคงถูกแฉกันอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องเงินบริจาคเข้าม็อบ โดยที่ล่าสุด นักเคลื่อนไหวทางการเมืองแนวร่วมม็อบราษฎร อย่าง อั้ม อิราวัต ก็ออกมาโพสต์ข้อความแฉว่าเหล่าแกนนำนั้นเอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว เพราะบางคนมีหนี้ บางคนติดพนัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ไม่กล้าแจงบัญชี?
โดย นายอิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม อดีตนักร้อง และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองแนวร่วมม็อบราษฎร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ผมเคยเตือนน้อง ๆ แล้ว แต่โดนแกนนำเอาไปเสียบ เอาไปให้ร้ายสารพัด (ซึ่งผมไม่แคร์นะ และไม่เดือดร้อน) พวกเขาสร้างข่าวโจมตีคนเห็นต่าง ทั้ง ๆ ที่หลายคนสนับสนุนน้อง ๆ มาตลอด
#ผลักมิตรเป็นศัตรู เป็นว่าเล่น ท่ามกลางกระแสแกนนำโกงเงินบริจาคม็อบ ท่ามกลางกระแสที่แกนนำบางคนติดพนัน ติดหนี้ติดสิน เลยเอาเงินม็อบไปใช้ส่วนตัว ร่ำรวยจากเงินบริจาค ท่อน้ำเลี้ยงคนอื่น
เป็นนักบุญ ไม่สิ #นักต้มตุ๋น ทุนคนอื่น ไม่กล้าแจงบัญชี ไม่กล้าเปิดที่มารายได้ ไม่เคยจ่ายภาษีเข้ารัฐ แต่หน้าเพจโพสต์อวดรวย ซื้อคอนโด ซื้อรถฯลฯ ต้องโง่เขลาเบาปัญญาแค่ไหน ถึงทำอะไรย้อนแย้งแบบนั้นได้?
เขารู้ดี ว่ากำลังถูกเปิดโปง ในไม่ช้า ทั้งคดีจากรัฐ คดีหากินกับม็อบ และคดีส่วนตัวยาวเป็นหางว่าว หนาเป็นดินพอกหางหมู หลายคนคิดแบบอาจารย์ (สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล) ครับ และหลายคนคิดเหมือนผม เขาถอยมาเพราะเห็นอะไรที่มันแย่ๆ เจอพวกบ่อนทำลายขบวนการประชาธิปไตยที่ดี ที่อุตส่าห์สร้างมาจนจุดติด แต่ก็ยังไม่หมดกำลังใจนะครับ จะช่วยน้องๆ เท่าที่ทำได้ ในฐานะคนรักประชาธิปไตยครับ
ก่อนหน้านั้น นายอิราวัต ก็เคยโพสต์ข้อความในลักษณะดังกล่าวว่า ในถนนประชาธิปไตย ไม่มีใครได้อะไรมาฟรี ผมเองบริจาคช่วยน้อง ๆ ทั้งสิ่งของและเงินสู้คดี ช่วยด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องถามว่าหมดไปเท่าไหร่ ถ้าเลือกได้ ผมจะเลือกมอบสิ่งของที่เราเห็นชัด ๆ ผ่านคนที่เราไว้ใจถึงพื้นที่ ถึงมือคนต้องการ
ส่วนเรื่องเงินสด จะโอนผ่านองค์กรสิทธิ์ฯ และหน่วยงานที่มีใบเสร็จ ใบเสร็จการบริจาค ไม่ว่าจำนวนเท่าไหร่ ผมไม่เคยเอาไปลดหย่อนภาษี (อันนี้สรรพากรทราบดี) เพราะคนทำธุรกิจ เราวางแผนไว้เรียบร้อย ถูกต้องตามสัดส่วนวิชาชีพ-รายรับจ่าย ไม่จำเป็นต้องหากินกับเงินบริจาค
หลายปีมานี้ จากประสบการณ์ผม ทุกครั้งที่บริจาค ผมไม่คิดมาก คิดแค่จะให้ ถึงจะให้ไม่ยาก แต่ผมก็เลือก ผมเลือกที่จะไม่ระดมทุนจากผู้อื่น ไม่รับฝากใคร ไม่ระดมทุนจากใคร เพราะทุกสิ่งคือ ภาระผมทั้งหมด
แต่เป็นภาระที่เรา #อิ่มใจ_ได้จริง และเพราะแบบนี้ ผมจึงไม่เล่นกับเงินบริจาค เพราะบาทเดียวก็เป็นกรรม แล้ว “กรรม” ชนิดนี้ มันแรงหลายเท่าทวีคูณนัก
ไม่เพียงเท่านั้น นายอิราวัต ยังได้เขียนในคอมเมนต์อีกว่า “แต่ใครจะสะดวกอย่างไร เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนนะครับ คนบาปไม่ใช่คนที่ตั้งใจบริจาค หรือคนเปิดรับบริจาค หากแต่เป็นคนที่เอาเงินบริจาคไปใช้อย่างไร บริสุทธิ์เท่าใด มากกว่า”