ศอปส. บุกไทยซัมมิทซัดเดือด ธนาธร ตระกูลหากินในแผ่นดินไทยจนรวย แต่คิดทำลายสถาบัน

14608

กลุ่ม ศอปส. บุกไทยซัมมิท ซัดเดือด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตระกูลหากินในแผ่นดินไทยจนรวย แต่คิดทำลายสถาบัน

จากกรณีที่กลุ่มศูนย์กลาง ประสานงาน นักศึกษา อาชีวะประชาชนปกป้องสถาบัน(ศอปส.) รวมพลคนปกป้องสถาบัน ที่หน้าอาคาร ไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ว่าด้วยเรื่องการเคลื่อนไหวการขับเคลื่อนการปกปกป้องสถาบันอันไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น ชาวคณะเราทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ไปยังบริษัทไทยซัมมิทเพื่อทางถามผู้อยู่เบื้องหลังว่าจะรับผิดชอบต่อการกระทำนี้อย่างไร

แถลงการณ์ศูนย์กลางประสานงานนักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศอปส.)

ล่าสุดวันนี้ (17 กันยายน 2563) ทางด้านนายจักรพงศ์​ กลิ่นแก้ว ตัวแทนคนรุ่นใหม่ กลุ่มศอปส. ได้กล่าวคำปราศัยว่า ทุกคนก็อาจจะได้เห็นกันแล้วว่า ตั้งแต่มีม็อบปลดแอก ไม่ว่าจะเป็นที่สถานีตำรวจหรือหน้าเรือนจำ เราจะเห็นคุณพรไปแสดงตัวอยู่ในม็อบด้วยเพื่อให้กำลังใจ ไปสนับสนุน ทางด้านนายจักรพงศ์ยังได้กล่าวอีกว่า ปู่ของธนาธร เดินทางมาจากเมืองจีน มาพึ่งพาพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์จนตั้งหลัก มีฐานะร่ำรวย จากนั้นได้พาพ่อและอาของธนาธรมาอยู่ที่เมืองไทย ตั้งนามสกุล ตั้งวงศ์ตระกูลว่า “จึงรุ่งเรืองกิจ” ซึ่งเป็นคนต่างด้าว แต่คนไทยไม่มองว่า คนตระกูลนี้เป็นคนต่างด้าว เพราะเห็นว่าตระกูลนี้เป็นคนไทยคนหนึ่ง ไม่ได้รังเกียจและไม่ได้แบ่งแยก พ่อของธนาธร เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวมาพบกับแม่ของธนาธรที่เป็นลูกสาวร้านกระเพาะปลา

 

ต่อมาลุงและพ่อของธนาธรมาทดลองอาชีพการทำเบาะรถขายจนประสบความสำเร็จ ขยายกิจการใหญ่โต จนมีฐานะร่ำรวย ต่อมาพ่อของธนาธรก็ได้เสียชีวิตลงในปี 2545 ดังนั้น ธุรกิจก้ดำเนินมาถึงแม่ของธนาธร จนธุรกิจรุ่งเรืองจนกลายเป็นเศรษฐีณีอันดับต้นๆของประเทศ มีทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทรัพย์สินของตระกูลทั้งหมดรวมแล้วกว่า แสนล้านบาท ลองคิดดูว่า จากคนจีนข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยเสื่อผืนหมอนใบ มาเป็นมหาเศรษฐี ทั้งๆที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยทำอะไรให้ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจเดือดร้อน หากเป็นใต้ร่มพระบารมีของในหลวงทั้งสองพระองค์ที่ทำให้ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจมีแผ่นดินได้พักพิง มีอิสระในการประกอบกิจการจนร่ำรวย และนายธนาธร เกิดและเติบโตในประเทศไทยแท้ๆ กลับมีความผูกใจเจ็บต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่สำนึกว่า สาแหรกต้นตระกูลมีวันนี้ก็เพราะใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย เป็นสถาบันหลักที่ยึดเหนี่ยว นำพาคนไทยพ้นวิกฤตน้อยใหญ่มาครั้งแล้วครั้งเล่า

คนไทยทุกคนมีชาติมีประเทศ มีแผ่นดินของตนเองได้ โดยไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของใคร แต่นายธนาธรมีมิจฉาทิฐิมองว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปัญหาและอุปสรรค เป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกที่ตัวเองบูชานับถือ สร้างวาทะกรรมกล่าวร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้คนไทยเหมือนเป็นดั่งทาส ปรารถนาจะมีอำนาจทางการเมืองเพื่อที่ตนเองจะได้มีอำนาจต่อรอง…. ใช้ทรัพย์สินที่มีตั้งพรรคการเมือง ชักชวนเพื่องฝูง เยาวชน นักศึกษาให้ออกมาต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์โดยกล่าวว่า “สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส” สมคบกับองค์กรต่างชาติที่ต้องการแทรกแซง กัดเซาะรากฐานสังคมไทยให้ล้มสลาย กระทั่งคิดล้มล้างระบบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยอ้างวาจาว่า เป็นการยกพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ให้สูงขึ้น ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่รู้ทัน รวมถึงไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว

นายธนาธรจะคิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร ย่อมเป็นสิทธิ์ของเขา แต่หากนายธนาธรไม่เคารพ ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆที่ต้นตระกูลของตนมั่งคั่ง ร่ำรวยอยู่ในแผ่นดินไทยใต้พระบรมโพธิสมภาร นายธนาธรพึงสำนึกไว้ว่า ไม่ควรอยู่บนแผ่นดินไทย และอย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน

นายจักรพงศ์ ยังกล่าวต่อว่า นายธนาธรไม่ต่างจากคนต่างชาติคนหนึ่งที่ไม่มีความผูกพันต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ดุจคนไทยทั่วๆไป เป็นคนไทยแต่ร่างแต่ชื่อ แต่ความคิด จิตใจเป็นต่างด้าว มิหน่ำซ้ำยังใส่ร้ายคนไทยว่าเป็นทาส… ด้วยเหตุนี้กลุ่ม ศอปส. จึงเห็นว่า นายธนาธรจึงไม่สมควรอยู่บนแผ่นดินไทย ไม่ควรดำรงตนหน้าด้านอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งนับวันคิดแต่กระทำความสับสบวุ่นวาย แตกแยกให้กับคนไทย นายธนาธรกำลังจะแยกแผ่นดินไทย ทาง ศอปส. จึงเห็นว่า ควรไล่นายธนาธรให้พ้นจากแผ่นดินไทย และถามว่าต่อไปนี้คุณยังจะแอบอยู่หรือไม่ อย่าให้คนรุ่นใหม่ เยาวชน นักศึกษา เป็นเครื่องมือ ในวันที่ 19 กันยายน ออกมาเลย ออกมานำม็อบ หลังจากนั้นก็ออกไปจากประเทศด้วย ทั้งนี้ นายจักรพงศ์ ยังฝากไว้ในตอนท้ายว่า ถ้าอยากจะไล่ใคร ก็ไล่ไป แต่อย่ามาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพของปวงชนชาวไทย