หลังจากเกิดเหตุความวุ่นวายหน้า สน.นางเลิ้ง ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมและสามารถยุติการชุมนุมได้ โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนและการ์ดอาสา ไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวมวลชน ทั้ง 11 คน ไปยังสน.นางเลิ้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อให้กลุ่มการ์ดหยุดบุกเข้ามายังพื้นที่โรงพัก ขณะที่ทางด้านพ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.นางเลิ้ง ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบอาวุธปืนที่ยึดได้จากผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงการ์ดอาชีวะ และรถของทางราชการที่ได้รับความเสียหาย รวม 2 คัน ประกอบด้วย 1.รถกระบะควบคุมผู้ต้องหายี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมค สีเทาคาดแดง ทะเบียน ฮฐ 421 กรุงเทพมหานคร
ถูกตีกระจกด้านหลังจนแตกได้รับความเสียหายและมีตัวถังรถยุบจากแรงกระแทกทั้งซ้ายและขวา และ 2.รถกระบะประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวน ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมค สีเทาคาดแดง ทะเบียน 1 ฒช 2266 กรุงเทพมหานคร ถูกพ่นสีสเปรย์ใส่ที่ตัวถังด้านขวาใกล้ประตูคนขับ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการเผยแพร่คลิปนาที ที่กลุ่มการ์ดอาชีวะ บุกเข้ามาทุบรถและด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ล่าสุดดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
#ม็อบ13กุมภา เป็นม็อบอนาธิปไตยที่มีความพยายามในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงอย่างชัดเจน
ม็อบจัดตั้งกลุ่มนี้เป็นไปเพื่อก่อจลาจล ขยายผลของความรุนแรง สร้างสถานการณ์และเงื่อนไขของการปลุกระดมให้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบ
#ม็อบ13กุมภา จึงเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผิดทางและเต็มไปด้วยความรุนแรง
สื่อต่าง ๆ ภายใต้การครอบงำของผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบจะไม่นำเสนอพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนและรุนแรงของม็อบ มีแต่การปั่นกระแสสร้างความเกลียดชัง เพื่อขยายผลในการปลุกระดมสร้างความแตกแยก หวังยกระดับการก่อจลาจลไปสู่สงครามกลางเมืองในม็อบครั้งต่อ ๆ ไป
#อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล
#สนับสนุนให้จับม็อบหัวรุนแรงทั้งหมด
#ให้มันจบที่เรือนจำ
ผมเตือนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว จับให้หมดเถอะครับ อย่าปล่อยให้มีการสร้างสถานการณ์ใดๆอีกเลย #ให้มันจบที่เรือนจำ
ของขวัญปีหน้า 2564
แผน 5 ขั้นของฮ่องเต้ซินโดรม เหตุผลสำคัญที่ช่วงนี้ม็อบซาลง เพราะเจ้าของม็อบหันไปมุ่งสนามเลือกตั้งท้องถิ่น หวังให้เป็นฐานที่มั่นในการซ่องสุมกำลังและเผยแพร่ชุดความคิดบิดเบือน จากเม็ดเงินภาษีของประชาชนโดยไม่ต้องลงทุนเอง เป็นประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อปลุกระดมให้เกิดการลุกฮือตลอดจนการก่อจลาจลลุกลามไปทั่วประเทศ
ขั้นที่ 1.สร้างสถานการณ์ความรุนแรง เมื่อปลุกม็อบอย่างไรก็ปลุกไม่ขึ้น จนถึงขั้นต้องงัดไพ่สาธารณรัฐและคอมมิวนิสต์ออกมาเพื่อดึงแนวร่วมล้มเจ้าหัวรุนแรงทั้งหมด ในที่สุดก็คงหนีไม่พ้นไพ่ใบสุดท้ายของการปลุกม็อบ คือ การสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ก่อความสูญเสียตลอดจนสังเวยชีวิตมวลชนม็อบของตัวเอง แล้วโยนบาปสร้างความเกลียดชังให้เกิดการลุกฮือในวงกว้าง โดยใช้สื่อทั้งหมดที่มีอยู่ในมือปั่นกระแสบิดเบือนปลุกระดม
ขั้นที่ 2.ก่อจลาจลสู่สงครามกลางเมือง ไอ้ตี๋ฮ่องเต้ซินโดรมผู้เป็นเจ้าของม็อบตัวจริงเคยกล่าวไว้กับบรรดาคนใกล้ตัวว่า ต่อให้ต้องทำให้กรุงเทพเป็นแบบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาก็ยอม เพราะการก่อจลาจลไปสู่สงครามกลางเมืองจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่สามารถเบิกทางไปสู่การรัฐประหารครั้งใหม่ องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของแผนล้มล้างการปกครอง
ขั้นที่ 3.บีบให้เกิดการรัฐประหาร ไอ้ตี๋ฮ่องเต้ซินโดรมนี่แหละที่ต้องการการรัฐประหารมากที่สุด เพราะการรัฐประหารจะนำมาซึ่งโอกาสในการนองเลือดครั้งใหญ่ตามที่เขาต้องการมาโดยตลอด ยิ่งนองเลือดมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งสามารถโยนบาปสร้างความชอบธรรมในการล้มล้างการปกครองได้มากขึ้นเท่านั้น
ขั้นที่ 4.ปลุกสงครามปฏิวัติประชาชนแบบรุนแรง หากเกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อไหร่ ก็จะเข้าพล็อตเรื่องที่เขาวางไว้ตั้งแต่ต้นทันที คือ การปลุกระดมมวลชนให้ออกมาสู้ตายต้านรัฐประหารอย่างที่พวกเขาชอบพูดอยู่เป็นประจำ ทั้งหมดเพื่อการนองเลือดและโยนบาปสร้างความเกลียดชัง เพิ่มความชอบธรรมในการการล้มล้างการปกครองให้ถึงขีดสุด หวังการลุกฮือเลียนแบบการปฏิวัติประชาชนแบบรุนแรงอย่างที่เคยเกิดขึ้นในฝรั่งเศสและรัสเซีย
ขั้นที่ 5.เรียกร้องการแทรกแซงจากต่างชาติ ไอ้ตี๋ฮ่องเต้ซินโดรมทราบดีว่าไม่สามารถที่จะชนะกองทัพไทยได้ นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมไอ้ตี๋ฮ่องเต้ซินโดรมจึงต้องบีบสถานการณ์ไปสู่การรัฐประหาร เพราะมีแต่การนองเลือดครั้งใหญ่เท่านั้น ที่ประเทศมหาอำนาจตะวันตกจะใช้เป็นข้ออ้างของการละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้ามาแทรกแซงได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในฐานะประชาชนคนไทย เราต่างมีหน้าที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในสถานการณ์ครั้งนี้
1. หยุดยั้งแผนการของไอ้ตี๋ฮ่องเต้ซินโดรม ที่แอบอ้างประชาธิปไตยหลอกใช้มวลชนเป็นเครื่องมือไปสู่อำนาจ
2. ปกป้องชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันสำคัญของชาติ
3. นำพาประเทศชาติพ้นภัยไปสู่อนาคตที่ศิวิไลซ์ร่วมกัน