จากที่มีการเปิดเผยรายชื่อ 9 ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่ไม่ขอลงชื่อยื่นแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นการสวนมติพรรค โดยทั้ง 9 คน
มีดังนี้คือ 1.นายวินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. 5. นายทศพร ทองศิริ ส.ส.กทม. 6.นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. 7.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี 8.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย และ 9.นายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย
ต่อมา นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 1 ในส.ส.ที่ออกตัวตั้งแต่แรกว่าจะไม่ลงชื่อยื่นแก้ม.112 ก็ได้กล่าวถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112 การหมิ่นประมาทประมุขหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ และการหมิ่นประมาทบุคคล ของพรรคก้าวไกล ที่ตนไม่ได้ร่วมลงนามด้วยนั้น เรื่องนี้ทางพรรคเข้าใจ ให้เอกสิทธิ์ส.ส. เหตุที่ไม่ลงนามด้วย เพราะมองในแง่หลักการ บางอย่างยังไม่ถึงเวลา ตามหลักการกฎหมายแม้จะเขียนออกมา แต่ถ้าคนไม่ได้ทำผิด ก็ไม่เป็นปัญหาต่อคนนั้นๆ
อีกทั้งขนบธรรมเนียมแต่ละประเทศ แตกต่างกัน ประเทศไทยมีระเบียบการปกครองเป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะเฉพาะพิเศษ การเสนอกฎหมายดังกล่าว พรรคก้าวไกลก็มีหลักการ เหตุผลในส่วนของพรรค ส่วนส.ส.ที่ไม่ได้ลงนามด้วยทั้งหมด 9 คน ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนทางพรรคเข้าใจ เพื่อนส.ส.ที่ไม่ได้ร่วมลงนามนั้น เป็นใครบ้าง ตนไม่ทราบ เพราะถือว่าโดยมารยาทเรา ไม่ควรบอกชื่อเขา เรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว
อย่างไรก็ตามน.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล และส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 3 บางคอเเหลม ซึ่งเป็นอีก 1 ใน 9 ส.ส. ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 มีเนื้อหาบางส่วนระบุว่า
“จากประเด็นเรื่องยื่นแก้ไข 112 ที่หลายท่านสอบถามเหตุผลว่าทำไมดิฉันจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อ
โดยหลักการแล้ว ดิฉันเห็นด้วยกับการแก้ไขม.112 เพราะยังยืนยันว่ายึดมั่นเรื่องหลักการของสิทธิมนุษยชน และม.112 ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ดิฉันมีเหตุผลและบริบทส่วนตัว ที่ทำให้ไม่สามารถร่วมลงชื่อกับเพื่อนสส.ในพรรคได้ ซึ่งขอสงวนที่จะไม่อธิบายในรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและอาจกระทบต่อผู้อื่น
และในที่ประชุมสส. ดิฉันได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค รวมถึง เพื่อนสส.ทุกท่าน อย่างจริงใจ และทุกท่าน ก็เข้าใจในเหตุผลส่วนตัวและเคารพการตัดสินใจของดิฉัน
แต่ดิฉันคิดว่า พรรคการเมืองก็เป็นสังคมหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นว่า คนทุกคนต้องเห็นเหมือนกัน หรือ มีการกระทำที่เหมือนกันในทุกเรื่อง และนี่คือประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แต่ประชาชนบางท่าน อาจตัดสินไปแล้ว ว่าดิฉันจะเป็นงูเห่า จากการกระทำของดิฉันครั้งนี้เพียงครั้งเดียว และมีบางท่านเรียกร้องให้ดิฉันลาออก
อย่างที่ดิฉันพูดเสมอมา ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ คนใกล้ตัวและคนที่เคยคุยกับดิฉันจะทราบดีว่า ดิฉันไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งส.ส.
หากมีประชาชนจำนวนมากที่เลือกดิฉัน ไม่พอใจกับการตัดสินใจของดิฉันในประเด็นนี้ ดิฉันพร้อม “พิจารณา” ตัวเอง ในการลงเลือกตั้งครั้งหน้า”
หลังจากนั้น ได้มีผู้คนสาวกพรรคก้าวไกลมาแสดงความคิดเห็นก่นด่าเป็นจำนวนมาก โดยโจมตีการแสดงจุดยืนของน.ส.วรรณวรี อย่างรุนแรง อีกทั้งมีการขุดรูปภาพสมัยที่ น.ส.วรรณวรี เคยร่วมม็อบ กปปส.
ล่าสุดนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มันเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการที่จะลงชื่อหรือไม่ลงชื่อ
ปล.ถ้าเป็นส.ส.เพื่อไทยคงด่ากันจนเฟสล่มและจะมีเม้นว่า “ครั้งหน้าไม่เลือกแล้ว” “สู้ไปกราบไป””
“แก้รัฐธรรมนูญ
รักประชาธิปไตย
ไม่เอาประยุทธ์
เลือกตั้งใหม่
#เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์”
หรือกรณีที่ แอมมี่ บอททอมบลูส์ โพสต์ภาพตนเองแต่งกายด้วยชุดสูท นั่งข้างรถกระบะ ใส่ชุดสูท สวมแว่นตา สะพายกล้อง มือถือสมุดอยู่ข้างรถกระบะ จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางโซเซียล
ต่อมานายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นว่า
“วิธีเรียกร้องประชาธิปไตยของพวกคุณคือการแต่งตัวล้อเลียนเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินกันเหรอครับ #ติดคุกอย่ามาร้องก็แล้วกัน”