ไบเดนเดินหน้าชนจีนเต็มที่!?! ตั้งทีมเฉพาะกิจลุยจีน หลังคุยสี จิ้นผิง 2 ชม. ขณะไต้หวันประชุมร่วมครั้งแรกที่วอชิงตัน

1434

ปธน.โจ ไบเดนสหรัฐ ต่อสายคุยกับปธน.สี จิ้นผิงของจีนในเช้าวันตรุษจีนของกรุงปักกิ่งเป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง เน้นความกังวลต่อการขยายอิทธิพลจีนในทุกพื้นที่ และยืนยันจุดยืนอินโด-แปซิฟิกสนับสนุนไต้หวัน สีเตือนว่าการเผชิญหน้าจะพังทั้งสองฝ่าย คุยเสร็จไบเดนตั้งทีมเฉพาะกิจป้องกันตนเองกับจีน ก่อนเยือนเพนตากอน ขณะที่เชิญทูตไม่เป็นทางการของไต้หวันประชุมร่วมที่วอชิงตัน สะท้อนพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกของปธน.สหรัฐ และการดำเนินนโยบายหนุนไต้หวันต้านจีน อย่างเด่นชัด 

 

ทำเนียบขาวเผย ไบเดน คุยโทรศัพท์กับสี จิ้นผิงแล้วก็ประกาศแผนตั้งทีมเฉพาะกิจฝ่ายป้องกันตนเองกับจีนทันที  และสั่งให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ทางทหารกับจีน  ก่อนที่จะไปเยือนกระทรวงกลาโหม หรือเพนตากอนของสหรัฐ และว่ารัฐบาลจะใช้กำลังทหารในการสู้รบเป็นทางเลือกสุดท้าย ฟังแล้วยิ่งยากจะเชื่อถือได้เพราะการกระทำย้อนแย้งอย่างที่สุด

วันที่ 10 ก.พ.2564 ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเป็นครั้งแรกเมื่อค่ำวันพุธที่ 10 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาของจีน โดยการหารือครั้งนี้ ไบเดนกล่าวกับสีว่า สิ่งที่เขาให้ความสำคัญอันดับแรกคือการปกป้องความมั่นคง, ความรุ่งเรือง, สุขภาพ และวิถีชีวิตของคนอเมริกัน และเพื่อรักษาภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง และเน้นย้ำถึงข้อกังวลพื้นฐานของเขาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่บีบบังคับและไม่เป็นธรรมของจีน, การปราบปรามในฮ่องกง, รายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง และการดำเนินการที่ก้าวร้าวทางทหารมากขึ้นของจีนในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงการแสดงออกต่อไต้หวันด้วย

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนใช้เวลาช่วง 3 สัปดาห์แรกของการเข้าทำงาน ต่อสายคุยกับผู้นำหลายประเทศในแถบภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยพยายามส่งสารให้รู้ว่าจะใช้วิธีปฏิบัติกับจีนที่แตกต่างไปจากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่นายแอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโทชิมิตสุ โมเตกิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น กังวลถึงท่าทีการรุกคืบของจีนบริเวณพื้นที่พิพาททางทะเลรอบหมู่เกาะเซนกากุ ทีี่จีนเรียกว่าเตียวหยูมากขึ้น หลังจีนออกกฎหมายฉบับใหม่ว่าด้วยกองกำลังรักษาชายฝั่งทะเล พร้อมย้ำว่าหมู่เกาะเซนกากุยังคงครอบคลุมตามมาตรา 5 ว่าด้วยสนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐฯ-จีน ซึ่งทั้งสองประเทศจะร่วมกันปกป้องหากอีกฝ่ายถูกโจมตี

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่า ปธน.สี จิ้นผิงบอกกับผู้นำสหรัฐไปว่า การเผชิญหน้ากันระหว่างจีนกับสหรัฐจะเป็น “หายนะ” ต่อทั้งสองประเทศ และสองฝ่ายควรกำหนดวิถีทางใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจผิดๆ นอกจากนี้ สียังคงรักษาท่าทีแข็งกร้าวในประเด็นเกี่ยวกับฮ่องกง, ซินเจียง และไต้หวัน ซึ่งสีแจ้งต่อไบเดนว่าเป็นประเด็นของ “อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน” ที่เขาหวังว่าสหรัฐปฏิบัติด้วยอย่างระมัดระวัง

ข้อมูลที่ไบเดนแถลงในภายหลังเมื่อวันพฤหัสบดีบอกว่า ทั้งคู่สนทนากันนานถึง 2 ชั่วโมง “เมื่อคืนที่ผ่านมา ผมคุยโทรศัพท์กับสี จิ้นผิง รวดเดียว 2 ชั่วโมง” ผู้นำสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยเขาเตือนด้วยว่า หากสหรัฐไม่เริ่มดำเนินการด้านนโยบายจีน จีนก็จะเป็นผู้ชนะ

และแน่นอนที่รัฐบาลไต้หวันตอบรับการส่งประเด็นของโจ ไบเดนอย่างยินดีแสดงจุดยืนเป็นพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกต้านจีนอย่างเปิดเผย

 

วันที่ 11 ก.พ.2564 รัฐบาลไต้หวันแสดงความขอบคุณและชื่นชม ปธน.โจไบเดนของสหรัฐฯ หลังจากที่เขาบอกกับสีจิ้นผิงถึงความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันของปักกิ่งที่มีต่อเกาะไต้หวัน

โฆษกรัฐบาลไต้หวัน นายเซเวียร์ ชาง (Xavier Chang) กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณสำหรับความกังวลของปธน.โจ ไบเดน เกี่ยวกับความมั่นคงของช่องแคบไต้หวันและปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน” “ในฐานะสมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศไต้หวันจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศที่มีใจเดียวกันรวมถึงสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมกันสนับสนุนเสถียรภาพและความมั่งคั่งของภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก”

เมื่อวันพุธที่ 10 ก.พ. 2564สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไต้หวันและสหรัฐอเมริกาได้จัดการประชุมอย่างเป็นทางการร่วมกันครั้งแรก ที่กรุงวอชิงตันภายใต้การบริหารของปธน.โจ ไบเดน ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาส

นางเซียว บี-คิม (Hsiao Bi-khim) ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานตัวแทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในกรุงวอชิงตัน หรือเอกอัครราชทูตโดยพฤตินัยของไต้หวันในสหรัฐ ได้โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า ได้ประชุมกับนายซุง คิม รักษาการผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกประจำสหรัฐและทีมงานของเขาทั้งได้พูดถึงผลประโยชน์ร่วมกันในหลายๆ ประเด็น ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือของเราในวงกว้างและแข็งแกร่ง”

ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่เป็นผู้สนับสนุนและผู้ขายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารแก่ไต้หวันเป็นจำนวนมาก