พรรคก้าวไกล ลั่นดัง เจ้านายคือประชาชน ชำแหละเละ ความจริง เจ้าของพรรคยังชื่อ “ธนาธร” ?

1568

นาย​ณัฐชา​ บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล​ ได้ออกมาพูดถึงเพื่อน ส.ส. พรรคก้าวไกล 9​ คน ที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อยื่นเสนอแก้ไขชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่รวมถึงมาตรา 112

ว่าทางพรรคมีการพูดคุยกันเรื่องนี้เป็นการภายในก่อนมาถึงการยื่นร่างแก้ไขกฎหมายมานานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4-5 เดือน ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน และมีความหลากหลายทางความคิด บางคนยังอาจได้รับเสียงสะท้อนมาจากพื้นที่ในด้านที่แตกต่าง หรือมีแง่มุมเทคนิคกฎหมายที่เห็นแตกต่างไปในการยื่นเสนอกฎหมายชุดนี้ ซึ่งเราทำต้นร่างออกมาอย่าง 3 แนวทาง เพื่อโหวตกัน บางคนก็ยืนยันในแนวทางของตน หรืออาจมีเหตุผลอื่นหรือเห็นในแนวทางอื่นอีก

“ทั้ง​ 9 ท่านได้ชี้แจงต่อที่ประชุมพรรคแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นความเข้าใจกันตั้งแต่แรกจากกระบวนการประชาธิปไตยภายในพรรค ซึ่งผมว่าเป็นจุดที่เข้มแข็งและเป็นความสวยงามของพรรคเรา โดย ส.ส.หลายคน ผมก็มีความสนิทสนมและสัมผัสและรับรู้ถึงความตั้งใจในการทำงานและจุดยืนเดียวว่าเจ้านายของเราคือประชาชน”


ความแตกต่างที่หลากหลายทางความคิดเป็นปกติการอยู่ร่วมสังคมเดียวกันรวมทั้งพรรคการเมือง บางเรื่องอาจมีมุมมองที่ไม่ได้ตกผลึกไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเป็นเรื่องที่ต้องชี้ขาด ต้องการมือ ต้องการเสียงชี้ขาด เราก็เคยเห็นจุดยืนที่ชัดเจนของพวกเขาที่ยืนหยัดร่วมกับพรรคมาตลอด อย่าง กรณี พ.ร.ก.โอนย้ายกำลังพล ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวและต้องอาศัยความกล้าหาญทางการเมืองเช่นเดียวกัน

ส่วนในเรื่องนี้เป็นที่รับรู้ตรงกันว่าสามารถรวบรวมชื่อได้เพียงพอในการยื่นเสนอกฎหมายแล้ว จึงมีการขอสงวนสิทธิไว้ ทางพรรคก็สามารถยอมรับได้ ที่ผ่านมา พรรคมีการเสนอกฎหมายบางฉบับ เช่น ร่างกฎหมายยุติการตั้งครรภ์ ส.ส. หลายท่านก็ขอสงวนสิทธิด้วยเหตุผลตามความเชื่อทางศาสนา พวกเราในพรรคก็น้อมรับความเห็นต่างเหล่านั้น และทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรกันต่อไป​ ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้พรรคไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

 

สิ่งที่อยากให้พ่อแม่พี่น้องทำความเข้าใจมากกว่ากลเกมที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามตีขึ้นมาบดบังประเด็นสำคัญก็คือ วัตถุประสงค์และรายละเอียดในการแก้กฎหมายครั้งนี้ที่พรรคก้าวไกลพยายามปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ตนอยากให้ประชาชนแสดงความเห็นด้วยกันร่วมกับพวกเราให้มาก ๆ เพื่อทำให้กฎหมายชุดนี้ผ่านสภาได้ เพื่อเป็นการเริ่มต้นก้าวใหม่ของสังคมไทย เป็นก้าวหน้าและก้าวไกลที่มองเห็นอนาคตใหม่ที่รออยู่ในวันข้างหน้าอย่างสวยงาม

อยากให้​ พี่น้องประชาชน​สนใจในรายละเอียดกฎหมายทั้ง 5 ร่าง​ ดังนี้​ ร่างที่ 1.พระราชบัญญัติ คอมพิวเตอร์ แก้ไขยกเลิกความผิดที่ซ้ำซ้อนกับประมวลอาญา ให้เหลือเฉพาะอาชญากรรมบนระบบคอมพิวเตอร์

ร่างที่ 2.ประมวลอาญาความผิดหมิ่นประมาท ลดโทษจำคุกกรณีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ให้กรมราชเลขานุการในพระองค์เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษแทนได้เพียงผู้เดียว และยกเลิกโทษจำคุกความผิดฐานหมิ่นประมาทของบุคคลธรรมดาทั้งระบบ

ร่างที่ 3.ประมวลอาญาความผิดบิดเบือนกฎหมายของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ให้ประชาชนสามารถเอาผิดเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมที่กระทำการบิดเบือนกฎหมายกับประชาชนได้

ร่างที่ 4.และ ร่างที่ 5.ประมวลวิ อาญา และ ประมวล วิ แพ่ง ให้ประชาชนสามารถร้องขอให้อัยการ และศาลไต่สวนและยกฟ้อง กรณีเป็นคดีปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะได้โดยเร็ว

ทั้งนี้จากคำกล่าวแถลงของโฆษกพรรคก้าวไกล​ ย้ำว่าจุดยืนของพรรคคือมีประชาชนเป็นเจ้านาย ซึ่งต้องการจะสื่อว่า นายธนาธร ที่เมื่อครั้งอดีตได้เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่เจ้านาย แต่จาการกระทำที่ผ่านมา ตัวของนายพิธา ที่เป็นหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ก็มักจะเดินตามรอย แนวความคิดนั้น ๆ ของนายธนาธร

อย่างเช่น นายธนาธรพูดเรื่องวัคซีน วิจารณ์ไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ นายพิธาก็นำเรื่องนี้มาพูดว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง สุดท้ายคนไทยจะได้วัคซีนทั้งช้าทั้งแพง พอนายธนาธรเกริ่นว่า ต้องการให้มีการปฏิรูปสถาบันฯและยกเลิกมาตรา 112 พรรคก้าวไกลก็รีบแถลงล่ารายชื่อทันที และมักเป็นเรื่องปกติของพรรคก้าวไกลที่คอยจับผิด โจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง หรือมักจะหยิบเรื่องที่เป็นประเด็นในสังคมออกมาพูด

อย่างเมื่อครั้งโหนกระแส “พิมรี่พาย” ขึ้นดอยช่วยเหลือเด็ก ๆ แต่พอมาถึงเรื่องคดีของน้องชายธนาธร และที่เจ้าตัวโดนคดีรุกที่ป่าสงวน ทั้งหัวหน้าพรรคยังสมาชิกพรรค ต่างรูดซิปปากกันเงียบกริบ ถ้าบอกว่าประชาชนคือเจ้านาย ก็น่าจะพูดทุก ๆ ประเด็นให้มันเป็นกลาง ดังนั้นการออกมาตอบโต้ของโฆษกพรรค จึงไม่ต่างจากการย้อนแย้ง แค่สร้างวาทะกรรม คำพูดดี ๆ เหมือนที่นายธนาธรชอบทำเป็นประจำ แล้วแบบนี้ เจ้านายของพรรค จะไม่ใช่ “ธนาธร” ได้อย่างไร