เปิดคำพิพากษาตอกหน้าน้องธนาธร หลังแจงคดีสินบน20ล้านตร. กล้าพูดทำสิ่งที่ถูกเพื่อราชการ

2300

จากที่มีเอกสารคำพิพากษาคดีติดสินบนยัดเงินใต้โต๊ะเพื่อได้สิทธิเช่าที่ดินผืนงามของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ของสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ กระทั่งถูกแจ้งข้อหา ล่าสุดเจ้าตัวออกมาพูดต่อหน้าสาธารณครั้งแรกก็สร้างความมึนงงกับความคิดของคนในตระกูลนี้อย่างยิ่ง!?!

โดยเรื่องฉาวนี้ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งคดีมีคำตัดสิน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคม ปี 2560 ต่อมาประชาชนได้ทักท้วงถึงความผิดของนายสกุลธร แต่กลับไร้ซึ้งความคืบหน้าใด ๆ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

ต่อมา นายสกุลธร ออกเอกสารชี้แจงกรณีดังกล่าวบางช่วงยืนยันถึงความบริสุทธิ์ไม่เคยรู้จัก นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญเป็นการส่วนตัว รวมถึงไม่เคยรู้จักเจ้าหน้าที่ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ท่านใดก็ตาม มารู้ว่าประสิทธิ์คือใครหลังจากตำรวจได้ทำการสืบคดีแล้วเท่านั้น

จากนั้นวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 นายสกุลธร ซึ่งเป็นประธานบริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. ตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.144 ฐาน “ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน” หลังชุดสืบสวนกองปราบฯสอบสวนขยายผลพบว่า นายสกุลธร มีความผิดในการทุจริตการร่วมกับผู้ต้องหาที่ถูกพิพากษาไปก่อนหน้าในคดีติดสินบนเจ้าพนักงานเพื่อเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

และหลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ทางนายสกุลธร ก็เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ส่วนตัวไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไรเพราะสิ่งที่ทำเชื่อว่าทำถูกต้อง คือการช่วยเหลือราชการ ซึ่งวันนี้มาตามหมายเรียกโดยตนได้ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งไม่รู้จักและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นการส่วนตัว ส่วนรายละเอียดการให้การ นายสกุลธรไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน

“เชื่อว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง เราช่วยเหลือราชการ ยืนยันตามที่เคยออกแถลงการณ์ชี้แจงไปแล้ว” นายสกุลธร ระบุ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนั้นทำไมไม่แจ้งความจับนายประสิทธิ์ เมื่อรู้ว่าถูกนายประสิทธิ์ หลอก ซึ่งคำถามนี้นายสกุลธร ไม่ตอบ โดยรีบเดินกลับไปขึ้นรถทันที

ด้านพ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นนายสกุลธร ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยจะขอทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจงแล้วส่งกลับมาให้พนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำพิพากษาจำคุก นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัติย์ และ นายสุรกิจ ตั้งวิทูวณิช พนักงานบริษัทเอกชน สองผู้ต้องหารับเงินสินบนเพื่อจัดหาที่ดินของ สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้กับนายสกุลธร ซึ่งปัจจุบันได้ออกจากเรือนจำมาแล้วเมื่อต้นเดือน ธันวาคม ที่ผ่านมา

โดยทั้งคู่ได้ให้การเป็นประโยชน์ ประกอบกับพนักงานสอบสวนมีคำพิพากษาซึ่งระบุชัดเจนว่า นายสกุลธร จ่ายเงินสินบนจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อต้องการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ย่านชิดลม ต่อมาจากการตรวจสอบพยานหลักฐานจนแน่ชัดแล้วพบว่า นายสกุลธร มีพฤติกรรมการกระทำผิดจริง จากการสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ราย พนักงานสอบสวนกองปราบฯจึงได้เรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี

จากแนวทางการสอบสวนประกอบกับคำพิพากษาของศาลพบว่าการกระทำของนายสกุลธร สำเร็จไปแล้วเพราะมีการจ่ายเงินสินบนไปแล้วจำนวน 20 ล้านบาท จึงมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 144 ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้นกับคำพูดของน้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ว่าทำสิ่งที่ถูกต้องช่วยเหลือราชการนั้น เป็นคำกล่าวอ้างที่ฟังขึ้นหรือไม่ ลองไปดูคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า

“เมื่อนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชื่อว่าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีที่ดินแปลงดังกล่าวให้เช่าจริงจึงให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการติดต่อประสานงานและอำนวยความสะดวกเพื่อให้ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้สิทธิการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าว โดยมีค่าตอบแทนจำนวน 500,000,000 บาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน)

จากนั้น จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำโดยจำเลยที่ 1 ได้แนะนำให้นายสกุลธร ยื่นหนังสือแสดงความจำนงขอเช่าที่ดินต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) ตามช่องทางปกติ แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันเรียกรับเงินงวดแรกจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) จากนายสกุลธร

และร่วมกันใช้เอกสารราชการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันทำปลอมขึ้น เพื่อให้นายสกุลธร หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดทำแจ้งว่าบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทุนเบื้องต้นและเชิญให้เจ้าหน้าที่ของบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับแผนพัฒนาที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) มีชื่อนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าว จึงได้จ่ายเงินงวดที่สอง จำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) และงวดที่สามอีกจำนวน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) รวม 3 งวด จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)

ขอบคุณ : คลิปไทยโพสต์