“ม็อบสามกีบ” ถูกหลอกใช้ กางร่มเลียนแบบฮ่องกง สุดท้ายจบที่ตีหม้อแบบพม่า!?!

2615

อดีตบิ๊กข่าวกรอง ดึงสติม็อบสามกีบ เปลี่ยนกุนซือได้แล้ว ถูกหลอกให้เลียนแบบต่างชาติ สั่งให้กางร่มแบบฮ่องกง ตีหม้อแบบพม่า!?!

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (10 กุมภาพันธ์) กลุ่มคณะราษฎร ได้มีการชุมนุมตีหม้อไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์ก หน้า MBK Center และเรียกร้องให้ปล่อยตัว 4 แกนนำ ที่ถูกจับกุมและฝากขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ในระหว่างการชุมนุม ได้เกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 3 ครั้งบริเวณจุฬาซอย 5 ด้านหลังสน.ปทุมวัน ทำให้ประชาชนและผู้ชุมนุมแตกตื่นวิ่งกันอลหม่าน

โดยทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะประกาศไม่ให้มวลชนเข้าไปในบริเวณพื้นที่ ส่วนเสียงดังกล่าวจะเป็นระเบิดนั้น อยู่ระหว่างการรอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยขณะนี้บริเวณพื้นที่โดยรอบสน.ปทุมวัน เกิดความชุลมุนอย่างมาก เนื่องจากผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตัวไปที่หน้า สน.ปทุมวัน  เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับที่หน้าหอศิลป์ และยังมีการสลับปรับเปลี่ยนกันขึ้นปราศัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และโจมตีสถาบันเบื้องสูงด้วย

ล่าสุดทางด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยระบุข้อความว่า

อย่าให้เขาหลอก
นึกอยู่แล้ว เพื่อนติดคุก ศาลไม่ให้ประกัน ม๊อบสามนิ้วต้องอาละวาด ไม่ผิดคาดจริงๆ
แต่น่าสงสารแกนนำ ถูกใครหลอกมาให้ลอกเลียนแบบคนอื่นอยู่ร่ำไป สามนิ้ว กางร่มแบบฮ่องกง​ สุดท้ายมาทุบหม้อแบบพม่า คิดเองไม่เป็น​หรือ​ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าคิดเองหรือไม่มีหัว
อยากเตือนสติแกนนำทั้งหลายว่า การนำม๊อบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ความสำเร็จของการเคลื่อนม๊อบ ไม่ใช่จำนวนครั้งที่ขยับ ไม่ใช่จำนวนมวลชนที่มา ไม่ใช่ทำเพราะตาน้ำข้าวสั่ง ไม่ใช่เพราะนักการเมืองสั่ง แต่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน​ ที่จะต้องไม่มโนเอาเอง
อย่าเชื่อใครว่า ลงถนนแล้วจะชนะ อย่าเชื่อใครว่า​ คนมาร่วมเป็นล้านแล้วจะชนะ​ อย่าเชื่อใครว่าต้องใช้ความรุนแรง​ ต้องปฏิวัติแล้วจะชนะ ไม่เชื่อถามลุงกำนัน คนมาร่วมเป็นล้านคน ชุมนุมยืดเยื้อครึ่งปีกว่า ก็ไม่ชนะ
เปลี่ยนกุนซือได้แล้ว ดีแต่หนีหน้า หลอกให้คนไปตาย หลอกให้เป็นตัวประกันในคุก อย่าเชื่อใครที่จะให้ลี้ภัยนะ
อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ก็ได้มีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ โดยในการชุมนุมครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการฉีดน้ำสลายการชุมนุม ส่งผลให้วันที่ 17 ตุลาคม ทางกลุ่มคณะราษฎรก็ยังเชิญชวนให้ประชาชนออกมารวมตัวกัน นอกจากนี้ ยังได้ประกาศว่า จากนี้จะไม่มี “คณะราษฎร” จะมีเพียงแต่ “ราษฎร” เพื่อตอกย้ำว่าขณะนี้ประชาชนทุกคนคือแกนนำ ไม่ใช่คณะบุคคลใดคณะหนึ่ง ซึ่งมีการประกาศให้มีการพกเสื้อกันฝนและร่มโดยส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันสารเคมีที่ตำรวจ
ซึ่งการเคลื่อนไหวของม็อบนั้น เป็นการเคลื่อนไหวที่มีแนวทางคล้ายๆกับม็อบฮ่องกง ที่มีการกางร่ม ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงได้รับการขนานนามจากสื่อว่า “มนุษย์ร่ม” (umbrella man) เพราะจะใช้การกางร่มเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกตำรวจสลายการชุมนุมยิงสเปรย์พริกไทย และแก๊ซน้ำตาใส่ได้ถูกเผยแพร่ไปในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงของม็องฮ่องกง  โดยในการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ครั้งหนึ่งก็เคยมีการชูป้าย และมีการตะโกนในกลุ่มผู้ชุมนุมว่า คืนเอกราชให้ฮ่องกง ซึ่งก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ว่าแท้จริงแล้ว ม็อบต้องการอะไรกันแน่