“ผู้พันสู้” ลากไส้ดักคอ ขบวนการนายหน้าม็อบ หาหัวคิว รับบริจาค หวั่นอมประกัน!!

3047

จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 64 ศาลไม่ให้ประกัน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข

โดยศาลมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ ต่างกรรมต่างวาระ ตามข้อกล่าวหาเดิมหลายครั้งหลายครา กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ทราบและคืนหลักประกันทั้งสองสำนวน และนำตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ต่อมาในวันที่ 10 ก.พ. 64 ได้มีการชุมนุม “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” บริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน จนเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมในช่วงคำ ที่หน้า ส.น.ปทุมวัน

ล่าสุดนายชนินทร์ คล้ายคลึง หรือ ผู้พันสู้ อดีตนายทหารกองทัพอากาศ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเครือข่ายคนเสื้อแดง ซึ่งลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ตีหม้อทุบหม้อ จนไม่มีจะหุงข้าวแล้ว อ้อ ๆ ๆ ลืมไป แม่งจะไปแดกข้าวแดงในคุกแล้ว ไม่ต้องหุง
ทัวร์​ลงแน่ กูโพสต์ทรงนี้ มันรอจังหวะ​อยู่​ 555”

ต่อมาผู้พันสู้ ได้โพสต์เพิ่มเติมอีกระบุว่าว่า
“ได้ข่าวว่า จะมีโดน 112 อีกราวๆ 50-60 คน เตรียมเงินประกันไว้ราวๆ 20 ล้าน ถ้าได้ประกันและถ้าไม่ได้ประกัน เงินต้องคืน หรือถ้าติดคุก เงินประกันก็คืนเช่นกัน ยกเว้นหนี หรือไม่ก็เก็บไว้เป็นกองทุนค่าอาหารจ่ายให้เด็กๆมันด้วย เข้าบัญชีในคุก เดือนละราวๆ 3,000 อย่าไปรวมไว้ที่นายหน้า เดี๋ยวแม่ง แดกห่าหมด”

“ยุให้เด็ก ๆ ไปล่อเป้า โดน 112 แล้ว พอถามว่า ถ้าโดนมาแล้ว ทำไง ไอ้สัส แม่งก็แบ๊ะ ๆ
กวนตีนหน่อย ก็ตอบว่า ก็ให้โดนเยอะ ๆ คุกไม่พอขังหรอก ”

“เดี๋ยวพอติดคุก เยอะ ๆ แม่งก็จะมี พวกหาแดกหัวคิว รับบริจาคเยียวยา ทำตัวเป็นเจ้าแม่คุกอีก เงินมันหายกลางทางได้ ไม่ใช่ สสสารไม่เคยสูญหาย แต่เปลียนรูป เป็นพลังงานและความร้อน”

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่านับตั้งแต่เริ่มมีการเผยแพร่รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 63 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตามมาตรา 112 แล้วทั้งสิ้นอย่างน้อย 58 ราย ใน 44 คดี

ทั้งนี้ แยกเป็นคดีที่มีประชาชนเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ 23 คดี คดีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้องทุกข์กล่าวโทษ 3 คดี ส่วนที่เหลือเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กล่าวหา