จากกรณีที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ประกาศนัดรวมพลในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์ก หน้า MBK Center ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป
โดยบอกว่า ราษฎรร่วมกับเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกันประกาศกร้าว ว่าเราจะไม่ยอมทนอีกต่อไป ในเมื่อรัฐบาลประยุทธ์ยังคงเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน ปล่อยให้คนไทยอดตาย รับกรรมทั้งขึ้นทั้งล่อง งานก็ไม่มี เงินเยียวยาก็ไม่ได้ ทั้งที่ผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรคต่างออกมาเรียกร้อง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกันไม่เว้นแต่ละวัน รัฐบาลก็ยังแก้ปัญหาแบบขยักขย่อน ทำงานแบบขอไปที รัฐบาลแบบนี้มีไว้ทำไม!! เตรียมหม้อเตรียมไม้มาเคาะ ส่งเสียงตะโกนไล่เผด็จการในคราบรัฐบาลไร้ประโยชน์ด้วยกัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ประชาชนชาวเมียนมา ได้พากันออกมารวมพลังต่อต้านรัฐประหารยึด ด้วยการตีหม้อชามรามไห กระทะ กะละมัง หรือสิ่งที่หยิบฉวยได้ประสานเสียงกันดังเซ็งแซ่ในนครย่างกุ้ง
ซึ่งเมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ได้นำตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ ซึ่งเป็น 4 แกนนำกลุ่มราษฎร มายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล โดยยื่นฟ้องรวม 2 สำนวน คือ คดีหมายเลขดำอ.286/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ เป็นจำเลยเพียงคนเดียว กรณีระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย.63 นายพริษฐ์ ซึ่งเป็นแกนนำจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะบริเวณเวทีคอกวัว โดยยุยงผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 5,000คน ให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ ราชินี และองค์รัชทายาท ตาม ม.112
ต่อมากลุ่มมวลชนที่สนับสนุนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” ร่วมตัวกันที่บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน พร้อมจัดกิจกรรมปราศรัยย่อย เกิดขึ้นหลังจากที่ นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า”ราษฎร” นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ขอนแก่นพอกันทีถูกควบคุมตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว 4 ผู้ต้องหา และในวันนี้ (10 กุมภาพันธ์) จะมีการชุมนุมตีหม้อไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์ก หน้า MBK Center ตั้งแต่ 17.00 น. แต่แกนนำที่ฝากขังไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้ นายอานนท์ นำภา ได้ออกมาบอกว่า ถ้าไม่ติดอะไรจะร่วมอยู่แล้ว เพราะเป็นการชุมนุมเปิดศักราชใหม่
ล่าสุดทางด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่จะมีการชุมนุมตีหม้อไล่เผด็จการในวันนี้ว่า
วันนี้ ศาลไม่ให้ประกันตัว อานนท์ เพนกวิน สมยศ เเละหมอลำเเบงค์ ในคดี ม.112 และ ม.116 ถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพเรียบร้อย ด้วยเหตุผลแปลเป็นภาษาง่ายๆว่า
“ให้ประกันออกไปก็ไปทำแบบเดิมอีก” ซึ่งถือว่าพลิกล็อค ที่กลุ่มนี้ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ เพราะทั้งหมด 4 คนนี้ นัดกันไปตีหม้อไล่รัฐบาล เลียนแบบพม่าในวันพรุ่งนี้ จึงรู้สึกโกรธที่อดออกไปตีหม้อ ครับ
ดังนั้น ทันทีที่ศาลมีคำสั่ง ก็มีพวกที่ยังไม่ได้เข้าคุก ออกคำสั่งให้ “ราษฎรทั้งหลายจงออกมาร่วมแสดงพลัง” ที่สกายวอร์ค หน้ามาบุญครอง จนมีการอาละวาดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งท้ายก่อนเลิกการชุมนุม สาเหตุที่วันนี้ก็เริ่มไปชุมนุมแล้วนั้น อาจเป็นเพราะ
(1) อีกหลายรายกำลังเข้ารับฟังศาล ก็กลัวว่าจะต้องนอนคุก ตามไปด้วย จึงเร่งออกตัวแรงตอนนี้ก่อน
(2) แก็ง 3 สัส นั้นก็ต้องออกมาหนุน เพราะ ตัวสำคัญกำลังจนตรอก ถึงขั้นเมาหมัด ทำให้ ปิยบุตร
ไปโพสต์ว่าลูกชาย พล.อ.มิน อ่อง ลาย โปรยเงินแจก หลังพ่อรัฐประหารสำเร็จ แล้วก็รีบลบออกทันที เมื่อไม่ใช่เรื่องจริง ลองคิดดูว่าถ้าพวกนี้มาเป็นรัฐบาล แล้วน่ากลัวครับ ชาติคงยับเยินแน่
แต่เชื่อเถอะครับ พวกที่มาชุมนุมนั้น. นอกจากการ์ดหลายสีและแฟนเสื้อแดงของ สมยศ แล้ว ก็จะต้องอาศัย ผู้โดยสารรถไฟฟ้า และ ผู้สื่อข่าว มาช่วยเติมยอดผู้ชุมนุม วีธีชุมนุมี่น่าจะได้ผลมากที่สุด คือ “รุนแรงเข้าไว้” การกระทำแบบนี้ทุกคนน่าจะดูไว้เป็นกรณีศึกษา ซึ่งโดยรวมแล้ว มันเป็นเรื่องทุเรศขนาดไหน เพราะผู้ที่ศาลไม่ให้ประกันตัวนั้น ได้มีการทำผิดต่อเนื่องมาทั้งปี เดือนละ 7-8 ครั้ง โดยละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นมาตลอด
กฏหมายใดๆที่ไม่เป็นคุณกับตัวเอง ก็ดิ้นรนเรียกร้องอาละวาด ไม่ฟังเหตุผล จะเอาให้ได้ดั่งใจ เหมือนเด็กๆที่ไร้วุฒิภาวะ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าไปสงบอก สงบใจในเรือนจำ ก็อาจทำให้คิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง …หวังว่านะครับ
ในขณะเดียวกันทางด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. ได้เปิดเผยถึง กรณีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในวันนี้ว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ 3 ระดับ ระดับที่ 1 หากไม่มีความรุนแรงมาก ก็เตรียมกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) ไว้ 1-2 กองร้อย ระลอกที่ 2-3 ได้เตรียมกำลังไว้อย่างละ 2 กองร้อย สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน โดยเบื้องต้นจะใช้กำลังจาก บก.อคฝ. เป็นหลัก และพื้นที่ บก.น. 6 ยืนยันว่าไม่น่าเป็นห่วงในการใช้กำลังควบคุมพื้นที่ ซึ่งประมาทไม่ได้เรื่องการเตรียมความพร้อม เพราะอาจมีสถานการณ์อื่นมาสอดแทรกด้วย เช่น สถานการณ์การเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องที่ บช.น. จะประเมินอยู่เป็นระยะ ไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะเตรียมกำลังไว้มากน้อยเพียงใด
สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ เสี่ยงผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ซึ่งทาง บช.น. มีมาตรการดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะบังคับใช้กฎหมายอย่างนุ่มนวล เป็นขั้นเป็นตอน ส่วนกรณีที่จุดนัดชุมนุมใกล้กับเขตพระราชฐานนั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ