Truthforyou

ทรราชย์สหรัฐสั่งโลกรุมเมียนมา?!?เครือข่ายสิทธิ์ฯออกโรงชูซูจี บี้มิน อ่องหล่าย ชิงส่งกองเรือรบประชิดทะเลจีนใต้ คาดยกระดับรุนแรง เมียนมา-ไทย

ยิงกันแล้วที่เมียนมา บ่มสถานการณ์ดุเดือดรุนแรงขึ้น เมื่อตำรวจเมียนมาสลายการชุมนุมที่กรุงเนปีดอว์ บาดเจ็บ 4 ราย เสียชีวิต 1 คนโซเชียลแพร่ตำรวจใช้กระสุนจริงแล้ว ขณะพันธมิตรต้านจีนขยับคว่ำบาตรกองทัพเมียนมาอีกระลอกตามวาระวอชิงตัน จากเสรีประชาธิปไตยสู่สิทธิมนุษยชน ข้อหาและแบรนด์มอมเมาที่ทรราชย์สหรัฐและพันธมิตร ชูธงเพื่อลงโทษประเทศใดที่ไม่สยบยอมตามใจ 

ประเทศบริวารเช่นญี่ปุ่น-สิงคโปร์ เริ่มถอนลงทุนธุรกิจบางส่วน นิวซีแลนด์ประกาศตัดขาดการเมืองการทหารต่อรัฐบาลเมียนมา  ล่าสุดUNสายสิทธิมนุษยชนเรียกประชุมด่วนเตรียมบี้ดาบสอง ขณะฝรั่งเศสส่งกองเรือรบเข้าน่านน้ำทะเลจีนใต้ตามสหรัฐกระหนาบจีน คาดยกระดับรุนแรงเชื่อมโยงเมียนมาและไทย 

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2564 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ว่า ตำรวจเมียนมาเข้าสลายการชุมนุมในกรุงเนปีดอว์ โดยใช้การยิงปืนกระสุนยางและฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร เมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 4 คน รวมถึงสตรีอายุ 20 ปี ซึ่งถูกกระสุนจริงยิงที่ศีรษะบาดเจ็บสาหัสและคาดว่า จะเสียชีวิต ทั้งนี้ การชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศเพื่อต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพเมียนมา มีต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยกระจายอยู่ในเมืองขนาดใหญ่ในภาคย่างกุ้ง ภาคมัณฑะเลย์ และกรุงเนปีดอว์ แม้ว่าทางการเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว)ในเขตที่มีการชุมนุมประท้วงก็ตาม 

ทางการเมียนมาประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.2564 ห้ามการชุมนุมมากกว่า 5 คน ห้ามการปราศรัยหรือการก่อจลาจล ตลอดจนใช้มาตรการห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ระหว่าง 20.00-04.00 น. ในพื้นที่ 90 เขตใน 30 เมืองของภาคมัณฑะเลย์ ภาคย่างกุ้ง ภาคสะไกง์ ภาคพะโค ภาคอิระวดี และรัฐคะยา

สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า การชุมนุมประท้วงในเมียนมาเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยเฉพาะการชุมนุมในกรุงเนปยีดอ รายงานระบุว่า จนท.ตร. ได้ฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ผู้ชุมนุม จากนั้นได้ยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด และยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง สำหรับการชุมนุมในย่านซาน ชอง ในภาคย่างกุ้ง ครูจำนวนมากเดินไปตามถนนสายหลัก พร้อมชู 3 นิ้ว และส่งเสียงตะโกน “เราเป็นครู เราต้องการความยุติธรรม” และให้ปล่อยตัวอองซานซูจี อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานข่าวว่าเมียนมาได้ประกาศกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตาม เมียนมาได้ประกาศห้ามออกจากเคหสถาน (curfew) ระหว่างเวลา 20.00-04.00 น. ห้ามรวมตัวเกิน 5 คน ห้ามชุมนุม ห้ามเดินขบวน และห้ามทำลายสิ่งของสาธารณะ

ในวันเดียวกันนั้น นักลงทุนสิงคโปร์ประกาศถอนการลงทุนในเมียนมา ตามหลังบริษัทญี่ปุ่นไม่กี่วัน

นายลิม เคลิง (Lim Kaling) นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริษัท Razer Inc. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเกม รายใหญ่ ออกแถลงการณ์ว่าจะถอนการลงทุนในบริษัท Virginia Tobacco Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่ายของกองทัพเมียนมา ซึ่งตนได้ซื้อผ่านบริษัท RMH Singapore Pte, Ltd. ที่ถือครองหุ้นร้อยละ 49 ในบริษัท Virginia Tobacco Company Limited โดยระบุว่าต้องการถอนการลงทุน ซึ่งมีสัดส่วน 1 ใน 3 ในบริษัทของเมียนมาดังกล่าว เนื่องจากกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ทั้งนี้ การประกาศของนาย Lim มีขึ้นหลังจากกลุ่มนักเคลื่อนไหว Justice for Myanmar ได้รวบรวมรายชื่อเพื่อเรียกร้องให้บริษัท Razer ปลดนาย Lim จากตำแหน่งกรรมการบริษัท หากไม่ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับกองทัพเมียนมา

ด้านนิวซีแลนด์ประกาศระงับความสัมพันธ์ด้านการเมืองและการทหารกับเมียนมา

สำนักข่าวบิสซิเนสไทม์ออสเตรเลียรายงานเมื่อวันที่ 9 ก.พ.2564 ว่า นิวซีแลนด์ได้ประกาศระงับการติดต่อทางการเมืองและการทหารระดับสูงกับเมียนมา ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวระหว่างประเทศที่สำคัญครั้งแรก พุ่งเป้าเพื่อโดดเดี่ยวรัฐบาลทหารของเมียนมา โดยนางเจซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรี.นิวซีแลนด์ ระบุว่า มาตรการของนิวซีแลนด์ต่อเมียนมาจะรวมถึงการห้ามจนท.ทหารระดับสูงเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์  

นอกจากนี้ ยังได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการยึดอำนาจในเมียนมา และว่านิวซีแลนด์ต้องการให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) จัดการประชุมสมัยพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา อย่างไรก็ตาม  ทั้งนี้โครงการความช่วยเหลือของนิวซีแลนด์ในเมียนมา มูลค่า 40.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จะยังคงมีต่อไป แต่จะป้องกันไม่ให้เอื้อประโยชน์หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งนั่นก็แปลว่าตัดการช่วยเหลือถ้าเป็นรัฐบาลทหารนั่นเอง

ขณะที่ในทวิตเตอร์ของนายโดมินิค ร้าบ (Domonic Raab) รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เผยแพร่ข้อความว่า “วันนี้ (8 ก.พ.) อังกฤษและสหภาพยุโรป เรียกร้องให้เปิดการประชุมนัดพิเศษสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยปัญหาในเมียนมา (Special Session of the UN Human Rights Council on Myanmar)” รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า “พวกเราขอประณามการรัฐประหารในเมียนมา ที่มีการบังคับควบคุมตัวนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และผู้ปฏิบัติงานภาคประชาสังคมโดยทหาร” พร้อมระบุว่าขอให้มีการเปิดประชุมในวันพฤหัสบดี ที่ 11 ก.พ. นี้

สถานการณ์ยิ่งดูไม่น่าไว้วางใจ เมื่อกองเรือพิฆาตบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ-เรือดำน้ำฝรั่งเศสพากันมาโผล่ทะเลจีนใต้ และอังกฤษประกาศว่ากำลังจะเข้ามาด้วย คำถามคือ มหาอำนาจยกกองเรือรบเข้ามาเพื่ออะไร?

 

กองทัพเรือสหรัฐกล่าวเมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ว่าได้ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำคือกองเรือ Theodore Roosevelt Carrier Strike Group และกองเรือ Nimitz Carrier Strike Group ไปฝึกซ้อมปฏิบัติการทางทะเลที่น่านน้ำทะเลจีนใต้ นับเป็นการฝึกซ้อมครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในน่านน้ำแห่งนี้

การฝึกซ้อมดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่จีนประณามการที่กองทัพสหรัฐส่งเรือพิฆาต USS John S. McCain เข้ามาใกล้หมู่เกาะพาราเซลที่จีนควบคุมอยู่ แต่สหรัฐไม่สนใจการอ้างสิทธิของจีนมากไปกว่าการเรียกร้องให้มีเสรีภาพในการเดินเรือในน่านน้ำทะเลจีนใต้ อย่างที่พลเรือตรี จิม เคิร์ก ผู้บัญชาการกองเรือ Nimitz Carrier Strike Group กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เรามุ่งมั่นที่จะรับรองการใช้ทะเลอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ทุกประเทศพึงมีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ”

ท่าทีแบบนี้สมกับสมญานามที่ นางอังเกลา แมร์เคิลนายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนีให้สมญานามว่า “ทรราชย์สากลสหรัฐ” ไม่มีผิด คนอื่นทำแบบนี้เป็นความผิด แต่ถ้าอเมริกาและพวกทำจะเป็นความถูกต้องทุกอย่าง

ด้านฝรั่งเศสในวันเดียวกับที่สหรัฐส่งกองเรือใหญ่เข้ามาในทะเลจีนใต้ เรือดำน้ำพิฆาตพลังนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสคือเรือ SNA Emeraude มาพร้อมกับเรือสนับสนุน BSAM Seine ทำการลาดตระเวนผ่านทะเลจีนใต้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศส นายฟลอรองซ์ ปาร์ลีเปิดเผยผ่านใน Twitter เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 8 ก.พ.2564 ว่า “การลาดตระเวนพิเศษที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินเรือในทะเลจีนใต้ เป็นเครื่องพิสูจน์ที่เด่นชัดถึงขีดความสามารถของกองทัพเรือฝรั่งเศสของเราในการประจำการในระยะไกลและเป็นเวลานาน ร่วมกับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของเราคือออสเตรเลีย สหรัฐ และญี่ปุ่น”

ทรราชย์สหรัฐและพันธมิตรสงครามเย็น เดินกลยุทธ์ทางการเมืองบีบคั้นด้วยการทูตแบบรวมหมู่ ด้วยข้อหาไม่เป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตก ละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบตะวันตก ผ่านองค์กรใหญ่นานาชาติของทรราชย์สากลสหรัฐและพันธมิตร ทางการทหารเคลื่อนกำลังรบตามอำเภอใจไม่เห็นใครอยู่ในสายตา  ครั้งนี้เป็นสถานการณ์แหลมคมที่ท้าทายรัฐบาลไทย ว่าจะรับมือแรงบีบคั้นนี้อย่างไร? คนไทยต้องตื่นรู้ความจริงร่วมกันยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว รับมือสงครามไฮบริดที่คืบคลานเข้ามาใต้จมูกเรานับแต่นี้!!

Exit mobile version