“พี่คนดี” ฟาดพระหิวแสง ด้อยค่าศาสนา เหน็บเจ็บ แค่คนชังชาติไม่มีคิ้ว “มหาไพรวัลย์” สวนเดือด ไม่อายพม่าหรอ!?

จากกรณีที่ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยระบุว่า
“ในตำนานความเชื่อของพุทธศาสนา พญานาคมันคือสัตว์เดรัจฉาน

ย้ำว่า มันคือสัตว์เดรัจฉาน แล้วคนพุทธบ้านเมืองนี้มันเป็นอะไรกันนักหนา ถึงพากันไปกราบไหว้บูชาสัตว์เดรัจฉานอยู่ได้

มันช่วยอะไรบ้างพญานาคเนี่ย อาตมาสงสัย หมาที่บ้านยังมีคุณมากกว่าอีกนะ อันนี้พูดแบบไม่เกรงใจ คืออย่างน้อยหมาก็ช่วยเฝ้าบ้านให้โยมได้นะ พญานาคมันเฝ้าบ้านให้โยมได้หรือเปล่า ? ถ้าจะบูชาพญานาค บูชาหมาที่บ้านเถอะ มันซื่อสัตย์ด้วย รักเจ้าของด้วย
มันตลกมาก ที่พระพุทธศาสนาสอนว่า การเกิดเป็นมนุษย์นี่ดีที่สุดแล้ว บำเพ็ญศีล บำเพ็ญทาน จะปฎิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ก็ได้ (สัตว์เดรัจฉานบรรลุธรรมไม่ได้)

โยมรู้ไหม ทั้งเทวดาทั้งพญานาคเนี่ย เวลาเขาบำเพ็ญบุญและอธิษฐาน เขาอธิษฐานเพื่อต้องการที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ทั้งนั้นเลย เพราะมนุษย์โลกมันเป็นสุคติภูมิของเหล่าเทวดาและสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เสียท่ามากนะ ถ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งทีแล้วยังพากันไปกราบไหว้ไปหวาดกลัวอาถรรพ์จากสัตว์เดรัจฉานอยู่”

ต่อมา เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ก็ได้จั่วหัวในบทความว่า เดรัจฉานคติ มหาไพรวัลย์ จากนั้นก็มีเนื้อหาที่ระบุถึงพระดังกล่าว

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์ข้อความแสดงทัศนะพร้อมบทความต่อพระนักเคลื่อนไหวการเมืองที่ผ้าเหลืองกำลังร้อนอยู่ในขณะนี้ ว่า “อันนี้พูดแบบไม่เกรงใจ” เป็นคำพูดที่ติดปากของเซเลบห่มเหลืองคนหนึ่ง ความจริงไม่ต้องพูดคำนี้ด้วยก็ได้ เพราะเท่าที่พูดมา บางคนก็ไม่เห็นจะเคยเกรงใจใครหรืออะไรอยู่แล้ว

พระอะไร? ทำไมไม่เคยมีความเกรงใจพุทธศาสนา และผ้าเหลืองที่ตนเองใช้ห่อตัวอยู่บ้างเลย ล่าสุดก็ไม่รู้เกิดอาการ หิวแสง ท่าไหน โพสต์หยามพญานาคและชาวพุทธที่ศรัทธาซะงั้น

เขาบอกว่า “พญานาคเป็นสัตว์เดรัจฉาน ชาวพุทธบ้านเมืองนี้เป็นอะไรนักหนาไปกราบไหว้อยู่ได้ หมายังมีคุณค่ากว่า ถ้าจะบูชาพญานาค ให้บูชาหมา เพราะหมาเฝ้าบ้านให้โยมได้ พญานาคเฝ้าบ้านให้โยมไม่ได้”
พญานาคคงไม่ว่างมาเฝ้าบ้านให้ใครหรอกนะ เพราะเท่าที่เห็นพญานาคเฝ้าอุโบสถอยู่ ต่างหน้าที่กันกับหมานะ อย่าเอามาเทียบกันเลย

ความพยายามจะด้อยค่าพญานาค มันก็เหมือนพยายามด้อยค่าพุทธศาสนากลายๆหรือเปล่า ความเชื่อมโยงของศาสนาพุทธกับพญานาคมีมากมายไปหาอ่านที่คุณ เปลวสีเงิน เขียนไว้เพิ่มได้ การบวชพระก็เรียกว่า “บวชนาค” หรือตอนท่านบวช เรียกบวชอย่างอื่น ไม่อยากเอ่ยชื่อนั้นเพราะเกรงใจท่านนะ รูปพญานาคยังอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้าในพระพุทธรูปบางปางด้วยซ้ำ ถ้าเป็นพระสงฆ์จริงย่อมควรต้องรู้ดีกว่าใคร

คราวนี้จริงๆ ไม่ใช่อะไรหรอก ออกแนว “ชังชาติ” อีกตามเคยนั่นแหละ
คำว่า “ชาวพุทธบ้านเมืองนี้” ก็แอบสื่อเป็นนัยๆว่า คนในบ้านเมืองนี้ช่างงมงาย ขณะที่คนบ้านอื่นเขาไม่เป็นเช่นนั้นหรือ? บ้านอื่นแม้ไม่เชื่อเรื่องพญานาค เขาก็เชื่อเรื่องอย่างอื่นเยอะแยะ ทั้งมังกรจีน มังกรฝรั่ง รวมทั้ง ซานตาคลอส แม้ไม่มีใครเห็นแล้ว แต่ก็ไม่เคยหายไปจากโลก และก็ไม่มี “มหา” ที่ไหน หรือ “หมา” ที่ไหนเผือกไปเหยียดหยาม บางทีหัดเกรงใจคนอื่นบ้างก็ดี คนอื่นเขาจะได้เกรงใจกลับบ้าง

ล่าสุดก็มีการตัดพ้อสื่อข้างเดียวกันว่าเอารูปตนที่ดูไม่ดี ไปประกอบคำให้สัมภาษณ์ บอกว่าตนถูกสื่อ บูลลี่ และจะไม่ให้สัมภาษณ์อีก ขอให้จริงเถิดนะ คนดูเองก็เบื่อสื่อขี้เกียจเต็มทนแล้ว จะสัมภาษณ์เรื่องศาสนา ก็มีแต่คนไม่มีคิ้วคนนี้ จะสัมภาษณ์เรื่องวิทยาศาสตร์ก็มีแต่คนไม่มีคิ้วคนนั้น เข้าใจนะว่าทุกคนก็อยากดูดี แต่ปลงผม ปลงคิ้วแล้ว บอกว่าตนเป็นพระแล้ว อย่าเรื่องเยอะแบบนี้ ปล่อยวางเสียบ้างเถิด

เมื่อมีคนเอาสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนาไปล้อเลียน แทนที่จะเดือดร้อนแทนพุทธศาสนา กลับเดือดร้อนแทนคนถูกด่า ไปช่วยอธิบายแก้แทนเป็นเปลาะๆ อีก มันยังไง?

รูปฉากหลังหลุยส์วิตอง แสนรู้เดาไปเองว่า หมายถึง พระพุทธเจ้าหันหลังให้เแบรนด์เนม อันนี้พยายามมากไปหรือเปล่า อย่างนี้อีกหน่อยเด็กมันวาดภาพโป๊ไว้ข้างหลังก็ได้สินะ รูปสามกีบ ก็ช่วยเอาคำอธิบายของคนชังชาติที่แถว่า หมายถึงไตรสิกขา มาช่วยโพสต์แก้อีก มันดูน้ำขุ่นๆไปไหมอ่า

เห็นภาพ ไปยืนทำพิธี หน้าหมุด คณะราษฎร์ เห็นภาพถือธงธรรมจักรแครอทคู่กับพราหมณ์ปลอม หัวหน้าแก๊งสามกีบ ใครๆก็ดูออกนะว่าอยู่แก๊งไหน

อยู่กับ พราหมณ์ปลอม ก็คงปลอมคือกัน อยู่กับแก๊งแครอท ก็คงเป็นแครอท คือกัน จะมีแนวคิดทางการเมืองสุดโต่งก็ไม่อยากจะว่านะ จะด่ารัฐบาลบ้างก็ไม่อยากไปยุ่ง แต่การที่ตนยังห่มเหลืองอยู่ จะพูดอะไร จะทำอะไร ที่มีผลกระทบต่อพุทธศาสนา ก็จงเกรงใจ พุทธศาสนา กันบ้างนะ

58/2021 พระอะไร? ไม่เกรงใจชาวพุทธ

“พญานาค” ได้ฝากชื่อ ให้ถือบวช
โดนจำอวด เอามาเปรียบ เทียบกับ “หมา”
แล้วชักชวน ว่าไม่ควร ชูบูชา
ย่ำศรัทธา พุทธศาสนิกชน

“ธรรมจักร” สัญลักษณ์ ของพุทธศาสน์
พระชังชาติ ไปวาดเล่น เล็งเห็นผล
ให้คุณค่า ด้อยลงไป ในบัดดล
ใช้ “แคร์รอต” เรียกแทนตน ให้เสื่อมทราม

“พุทธรูป” ที่คนกราบ เป็นภาพถือ
ควรแล้วหรือ ให้ศิลปิน มาหมิ่นหยาม
“อุลตร้าแมน” นั้นแทนใคร ไม่งดงาม
คนแก้ความ ว่าไม่ผิด คิดแปลกดี

หรือหัวกลม คิดจะล้ม ศาสนา
จึงเพียรหา ทุรกรรม ย่ำศักดิ์ศรี
ชูสามกีบ จีบปากกล้า เมื่อพาที
ออกทีวี อวดนักเลง ไม่เกรงใจ

พี่คนดี
9/2/2564

อย่างไรก็ตาม พระมหาไพวัลย์ไดตอบโต้ ผ่านข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“ใครเขาจะชูสามนิ้วสามกีบ อาตมาว่า มันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของเขาเลยนะ ล่าสุดอาตมาก็เห็นคนพม่า ทั้งชาวบ้านร้านตลาด ทั้งผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้นำองค์กรทางศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะพระหรือบาทหลวง ท่านก็ออกไปร่วมแสดงออกในทางเรียกร้องเสรีภาพ ด้วยการชู ๓ นิ้วจากการทำรัฐประหารด้วยกันทั้งนั้น
มันก็มีแต่คนบางคนที่อยู่ในคอกแคบๆ แถมยังมีวิธีคิดแบบวิปริตวิตถาร พวกใช้ลิ้นใช้หางเขียนกลอนกลวงๆ อวยเผด็จการอย่างหน้าชื่นตาบาน แบบตาคนดีนี่แหล่ะ ที่มองว่า การชู ๓ นิ้ว หรือการแสดงออกตามเสรีภาพของความเป็นพลเมืองเป็นอาชญากรรม เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ (หัวเราะ)
มองว่าทำไม่ได้ ไม่เท่าไหร่นะ ที่แย่ก็คือชอบมีนิสัยสันดานแบบยัดเยียดข้อหาให้คนอื่นเสมอเสมอ เดี๋ยวล้มศาสนาบ้างล่ะ ชังชาติบ้างล่ะ อย่าหาทำเลย อย่าขายขำ ไม่อายตัวเอง ก็อายคนพม่าเขาบ้างนะ เขามีความพัฒนาทางสติปัญญาไปถึงไหนแล้ว
ถ้ารักชาติรักศาสนาแล้ว เซลล์สมองเหลือแค่ 84,000 แบบตาคนดีนักเขียนกลอนนี่ อาตมาว่าไม่ไหวนะ
ปล. ความตกต่ำที่สุดของพวกขวาจักตกขอบในยุคนี้ ก็คือไม่เหลือสติปัญญาอะไรที่จะโต้แย้งคนอื่นที่เห็นต่างด้วยเหตุผลได้แล้ว ที่อาตมาเห็นอย่างมาก ถ้าไม่บลูลี่หน้าตา ก็ถ่อยทรามกล่าวหาใส่ร้ายอย่างหน้าด้านๆ ไปเลย”