“หมอวรงค์” จุกจนพูดไม่ออก ศาลยกคำร้องระงับคลิป “ธนาธร” จาบจ้วงสถาบันชัดเจน ยังรอด แล้วจะวางใจอะไรได้อีก

4672

มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทันทีที่วันนี้ ได้มีคำตัดสินเรื่องคลิปไลฟ์สดวัคซีนโควิด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการเผยแพร่คลิปไลฟ์สดเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาล

โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ศาลได้มีคำสั่งให้ระงับคลิปตามที่ดีอีเอสยื่นร้องขอ ต่อมานายธนาธรได้ยื่นคัดค้าน โดยศาลได้ไต่สวนคู่ความทั้งสองฝ่ายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

วันนี้มีผู้แทนดีอีเอสและทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายธนาธรเดินทางมาศาล ส่วนนายธนาธรไม่ได้เดินทางมาเอง ต่อมาศาลได้อ่านคำสั่ง ซึ่งมีเนื้อหาพิเคราะห์ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโดยละเอียด เนื้อหาที่นายธนาธร ผู้คัดค้านกล่าว มุ่งเน้นการกล่าวหารัฐบาลบกพร่อง ข้อมูลเรื่องผู้ถือหุ้นเป็นเพียงส่วนน้อย ไม่เป็นประเด็นหลักในการนำเสนอ ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนถึงกับกระทบความมั่นคง จึงให้คำสั่งศาลที่ให้ระงับการเผยแพร่คลิปเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 เป็นอันสิ้นผล ยกคำร้อง

ล่าสุดทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้

รู้สึกเศร้าใจจัง พูดไม่ออก บอกไม่ถูก รู้สึกวังเวง กับข่าว

“ศาลสั่งเพิกถอนคำร้องดีอีเอส ไม่ระงับคลิปไลฟ์สดวัคซีนโควิด”

สงสัยพี่น้องประชาชน คนไทยทุกท่าน เราจะวางใจอะไรไม่ได้แล้วครับ

เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมความพร้อม กับทุก ๆ อย่างที่จะเกิด

ทราบว่ากระทรวงดีอีเอส จะร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลครับ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 ที่ศาลได้มีการไต่สวน โดยศาลได้ถามนายธนาธร ว่า เหตุใดจึงพูด มีวัตถุประสงค์อะไร ในคลิปดังกล่าว และมีความเกี่ยวข้องหรือกับเพจหรือการโพสต์ของทั้ง 3 Urls หรือไม่ ซึ่งนายธนาธรรับว่าเป็นผู้รับชอบในทั้ง 3 เพจหรือเว็บนั้น และได้ชี้แจงเหตุผลของตนเองว่ามีเจตนาดีต่อประเทศในการวิจารณ์การทํางานของรัฐบาล

ต่อมาศาลถามว่า คําว่า “วัคซีนพระราชทาน” ที่เป็นหัวข้อในคลิป ทําไมต้องพูดมีความหมายอย่างไร นายธนาธร ชี้แจงว่า ตนไม่ได้เป็นคนพูด นายกรัฐมนตรี คุณประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นคนใช้คํานี้ก่อน หลังจากไม่มีการซักถาม นายธนาธร ขออนุญาตศาลพูดนอกประเด็นจากเนื้อหาในคลิป ซึ่งศาลได้อนุญาต

นายธนาธร กล่าวว่า ในเวลานี้ “ต้องรับความจริงกันก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันและประชาชนมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว” พยานคัดค้านว่าเป็นการพูดถึงสถาบันที่มิบังควร ศาลได้ปรามนายธนาธรว่าให้หยุดวิจารณ์ ถ้าไม่หยุดจะถือว่ามีความผิดตามที่ผู้ร้องต่อศาล (กระทรวงดีอี) และจะรับในความผิดนั้นหรือไม่ ซึ่งนายธนาธรแจ้งว่า ขอพูดต่อ และยอมรับถ้ามีความผิด ซึ่งศาลว่าถ้ามีการพูดที่เป็นความผิด นายธนาธรต้องรับผิดชอบ แต่เจ้าตัวกลับยังดื้อด้านขอพูดต่อ


การกระทำของนายธนาธรดังกล่าว ชัดเจนเลยว่า สร้างความแตกแยกให้กับระบบของศาล เพราะเนื้อหาและถ้อยคำในวันที่เจ้าตัวได้ไลฟ์สด ล้วนพาดพิงโยงถึงสถาบันฯ และมีการเปรียบเทียบไปถึงบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ พร้อมท้าให้เปิดสัญญา แน่นอนว่า การกระทำที่ผ่านมา นายธนาธรก็พูดมาตลอดว่า เรื่องสถาบันฯเป็นเรื่องที่ต้องพูดได้ และเขาก็ทำสำเร็จ เหยียบย่ำหัวใจของคนที่จงรักภักดีต่อสถาบัน ซ้ำยังกล้าพูดจาบจ้วงในหลวงด้วยถ้อยคำที่ร้ายแรงเกินกว่าจะรับได้ต่อหน้าบัลลังก์ศาล ซึ่งไม่เคยมีใครกระทำการเช่นนี้

จนได้มีคอมเม้นต์เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ด้วยว่า “นั่นสิคะคุณหมอ..มันขัดความรู้สึกและความเป็นจริงมาก ๆ เลย จากข่าวบอกว่าคณะของศาลเป็นชุดเดียวกับที่ตัดสิน วอยส์ทีวี? ..ถึงบางอ้อแล้วล่ะคะ..การจับปล่อย ๆ ขนาดจาบจ้วงอย่างรุนแรงก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้เลย..สรุปประเทศนี้คงมีพื้นที่สำหรับคนเลวอยู่อีกมาก..ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจงั้นหรือคะ”

ประเทศชาติ คงถึงกาลวิบัติ เพราะ อำนาจทั้ง 3 ( นิติบัญญัติ บริหาร และ ตุลาการ) ยอมก้มหัวให้คนชั่ว ปฏิวัติ รัฐประหาร จึงเป็นทางออกเดียวเท่านั้น ที่จะนำพาบ้านเมืองให้อยู่รอดได้