เม็กซิโกจับตำรวจ 12 นาย!?! สังหารหมู่ผู้อพยพกัวเตมาลา 19 ศพ แต่คลื่นผู้อพยพยังถาโถมใส่สหรัฐไม่หยุด

2094

ปัญหาผู้อพยพจากอเมริกากลางทะลักเข้าชายแดนเม็กซิโก เพื่อมุ่งสู่สหรัฐยังไม่ได้รับการแก้ไข ล่าสุดทางการเม็กซิโกรวบตำรวจ 12 นายร่วมสังหารหมู่แล้วเผา ผู้อพยพชาวกัวเตมาลา 19 คน เป็นอาชญากรรมซ้ำซากที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่ชายแดนเม็กซิโก-สหรัฐ  อดีตปธน.ทรัมป์แห่งสหรัฐ สร้างกำแพงชายแดนกีดกันผู้อพยพ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแต่ผลักผู้อพยพไปเผชิญโศกนาฎกรรมสังหารหมู่ จากแก๊งอาชากรค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติดมากขึ้น  ปธน.โจ ไบเดนได้ประกาศนโยบายสวนทางทรัมป์ ลงนามคำสั่ง 9 ฉบับเกี่ยวกับความมั่นคงและการอพยพเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย คาดแค่ช่วยบรรเทาแต่ยิ่งให้ความหวังแก่ผู้อพยพว่า อเมริกายุคไบเดนจะเมตตาเปิดประตูต้อนรับ ตราบใดที่ทรราชย์สหรัฐยังดำเนินนโยบายสงครามแย่งชิงไปทั่วโลก ตราบนั้นการอพยพหนีสงครามและความอดอยาก ยังคงดำเนินต่อไป ประเทศไทยต้องระวังสงครามใกล้บ้าน การยึดอำนาจในเมียนมาอาจส่งผลสู่การปะทะที่จะทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพ ทั้งนักการเมืองและแรงงานลักลอบหนีเข้าไทยเหมือนในอดีต

เมื่อวันอังคารที่ 2 ก.พ.2564  เออร์วิง บาริออส โมจิกาอัยการสูงสุดของรัฐตาเมาลีปัสกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ 12 คนถูกควบคุมตัวและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมใช้อำนาจในทางที่ผิดและให้การเท็จ

การสังหารหมู่ครั้งนี้ ได้ฟื้นความทรงจำสยดสยองของการสังหารหมู่ปี 2010 ของผู้อพยพ 72 คนใกล้เมืองซานเฟอร์นันโดในสภาพเดียวกัน แต่การสังหารเหล่านั้นกระทำโดยแก๊งค้ายาเสพติด  ในขณะที่การสังหารในวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาน่าตกใจยิ่งกว่าเพราะถูกกล่าวหาว่าดำเนินการโดยตำรวจซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย

“การสังหารหมู่เมื่อวันที่ 22 ม.ค.มีเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐอย่างน้อย 12 คนเข้าร่วม” บาริออส โมจิกากล่าว แต่อัยการสูงสุดไม่ได้บอกว่า เจ้าหน้าที่อาจมีแรงจูงใจอะไร  แม้ว่าตำรวจท้องถิ่นและรัฐ  ที่ทุจริตในเม็กซิโกมักจะจ่ายเงินให้กับแก๊งค้ายาเสพติด ส่วนแก๊งต่างๆก็มักเรียกเก็บเงินจาก ผู้ลักลอบขนย้ายผู้อพยพข้ามดินแดน และลักพาตัวหรือสังหารผู้อพยพที่ผู้ลักลอบค้าของเถื่อนไม่ได้จ่ายเงินให้กับแก๊งคู่แข่ง

ศพทั้งหมดถูกพบกองอยู่ในรถกระบะที่ไหม้เกรียม เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย – ชาวกัวเตมาลา 2 คนและชาวเม็กซิกัน 2 คน เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยชื่อของพวกเขา แต่ญาติของหนึ่งในชาวเม็กซิกันที่เสียชีวิตกล่าวว่า เขาเป็นพวกค้ามนุษย์ผู้อพยพ ในบรรดา 19 ศพที่ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า 16 คนเป็นเพศชาย 1 คนได้รับการยืนยันว่าเป็นเพศหญิงและอีกสองคนร่างถูกเผาอย่างรุนแรงไม่สามารถระบุเพศของพวกเขา ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยัน ตรงกับข้อสงสัยของครอบครัวในชุมชนเกษตรกรรมของชนพื้นเมืองชนบทในกัวเตมาลา ซึ่งกล่าวว่าพวกเขาขาดการติดต่อกับผู้อพยพ 13 คนขณะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา

รถบรรทุกที่เก็บศพมีกระสุน 113 นัด แต่เจ้าหน้าที่ยังสับสนว่าไม่พบปลอกกระสุนที่ใช้แล้วในที่เกิดเหตุ ในขั้นต้นนั้นทำให้ผู้ตรวจสอบคาดเดาว่า การสัวหารอาจเกิดขึ้นที่อื่นแล้วนำใส่รถบรรทุกขับไปยังจุดที่ถูกจุดไฟเผา

บาริออส กล่าวว่ารถบรรทุกที่บรรทุกเหยื่อ เห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนรถขนาดใหญ่ที่ขนส่งผู้อพยพจากกัวเตมาลาและเอลซัลวาดอร์เพื่อลักลอบนำพวกเขาข้ามพรมแดนสหรัฐฯ บรรทุกคนติดอาวุธเพื่อให้ความคุ้มครองเขาไม่ได้ระบุชัดว่าสาเหตุของการสังหาร อาจเป็นข้อพิพาทระหว่างแก๊งยาเสพติดซึ่งต่อสู้กันเรื่องอาณาเขตและสิทธิ์ในการจัดการผู้ลักลอบขนย้ายคนหรือสินค้าที่ผ่านเขตคุ้มครองของพวกเขา

การสังหารหมู่เป็นเหตุการณ์ล่าสุดในประวัติศาสตร์การทุจริตของตำรวจเมืองตาเมาลีปัส และเมืองส่วนใหญ่ในรัฐ ต่างรู้เห็นว่าตำรวจท้องถิ่นของพวกเขามักจะจ่ายเงินให้กับแก๊งค้ายา ประชาชนจึงเรียกร้องต้องการ กองกำลังตำรวจของรัฐที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

การสังหารหมู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในปี 2010 ถือเป็นฝันร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของรัฐบาลเม็กซิโก เหตุการณ์ในเดือนสิงหาคม 2010 สมาชิกกลุ่มซีตัสหยุดรถเทรลเลอร์ 2 คันซึ่งบรรทุกผู้อพยพชาวอเมริกากลางส่วนใหญ่หลายสิบคน และพาพวกเขาไปที่ฟาร์มปศุสัตว์ในเมืองทาเมาลิปัสของ ซานเฟอร์นานโด หลังจากผู้อพยพปฏิเสธที่จะทำงานให้กับแก๊งค้าไม้ พวกเขาถูกปิดตามัดไว้กับพื้นและถูกยิงเสียชีวิตหมดทุกคน

 

ในปี 2019 ประธานาธิบดีอังเดร มานูเอล โลเปส โอบราดอร์ (Andrés Manuel López Obrador) กล่าวว่า “เราไม่ต้องการให้เกิดการกระทำที่น่าสยดสยองและน่าเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นเหตุการณ์ในซานเฟอร์นานโด”

ญาติของผู้อพยพจากเมืองซานมาร์คอสของกัวเตมาลา เชื่อว่าศพที่ไหม้เกรียม 13 ใน 19 ศพเป็นคนที่พวกเขารัก ซึ่งบางครอบครัวได้สร้างแท่นบูชาแบบดั้งเดิมให้กับผู้ตายแล้วพร้อมดอกไม้และรูปถ่าย