ธนาธร ดิ้นไม่หลุด “หมอวรงค์” ส่งหลักฐานสำคัญมัดเพิ่มให้ดีอีเอส ด้าน ก้าวไกล ขู่ฟ้องกลับ แต่ตรรกะย้อนแย้งไม่คิดล้มล้างสถาบัน!?

2465

ธนาธร ดิ้นไม่หลุด “หมอวรงค์” ส่งหลักฐานสำคัญเพิ่ม ก้าวไกล เตรียมฟ้องกลับ ลั่นตรรกะย้อนแย้ง ไม่คิดล้มล้างสถาบัน!?!

จากกรณีที่ วันที่ 4 ก.พ. 64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมาที่ศาลเพื่อร่วมการไต่สวนคำร้องคัดค้านของคณะก้าวหน้าที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลสั่งลบลิงก์ ตามคำขอกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) การเผยแพร่ภาพ-คลิปเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดพาดพิงสถาบันฯ ผ่านเพจคณะก้าวหน้า

ในช่วงหนึ่งนายธนาธรได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกฎหมายมาตตรา 112 ระบุว่า “มาตรา 112 เป็นมาตราที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างแน่นอนที่สุด และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานนั้นก็คือสิทธิของการมี Free Speach หรือเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น นอกจากนี้มาตรา 112 ยังมีโทษที่สูงเกินไปอีกด้วย พวกเราจึงเห็นว่าควรจะมีการแก้ไขมาตรา 112”

ต่อมา นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในความผิดตามมาตรา 112 ฐานหมิ่นเบื้องสูง และมาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น จากกรณีไลฟ์เฟซบุ๊ก วิจารณ์การนำเข้าวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่านายธนาธร บิดเบือน ก้าวล่วงสถาบันฯ ให้ร้าย และนำไปสู่การยั่วยุปลุกปั่น พร้อมนำหลักฐานเนื้อหาการไลฟ์ของนายธนาธรและการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ มอบให้พนักงานสอบสวน

หมอวรงค์ ยืนยันว่าการแจ้งความครั้งนี้ เป็นการดำเนินการในฐานะคนไทย ไม่ใช่ต้องการทำลาย หรือรังแกพรรคก้าวไกลตามที่ถูกกล่าวหา โดยเห็นว่านายธนาธรควรทบทวนการกระทำของตัวเองและใช้เวลามาช่วยดูแลประชาชน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดนำเรื่องสุขภาพของประชาชนและระบบการแพทย์มาเป็นประเด็นทางการเมือง ส่วนเรื่องการจัดหาวัคซีน เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลและบริษัท Astrazeneca ไม่ใช่ Siambioscience การที่นายธนาธรอ้างผู้ถือหุ้นของบริษัท Siambioscience เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และยืนยันว่า บริษัท Astrazeneca มีจุดมุ่งหมายในการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ทั่วโลกโดยไม่คิดผลกำไร

ล่าสุดทางด้าน หมอวรงค์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่นายธนาธรอ้างว่าปกป้องสถาบัน โดยระบุข้อความว่า

#ธนาธรอ้างปกป้องสถาบัน

วันนี้ผมไปยื่นเอกสารสำคัญ ให้กระทรวงดีอีเอส  กรณีนายธนาธร ไลฟ์เรื่องวัคซีน และกระทรวงขอให้ศาล มีคำสั่งลบคลิปนี้ เพราะมีข้อมูลบิดเบือน สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบัน แต่นายธนาธรใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาล ผมจึงนำเอกสารสำคัญไปมอบให้ เพื่อให้กระทรวงดีอีเอสมอบต่อศาล ไปยื่นคัดค้านคำขอนายธนาธร  ที่สำคัญ สัญญาการซื้อขายวัคซีนนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล กับทางแอสตรา เซนิก้า ประเทศอังกฤษ และแอสตรา เซนิก้า จ้าง Siam Bioscience ผลิต ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ควรจะเป็นเรื่องของแอสตรา เซนิก้า กับทางรัฐบาล

แต่นายธนาธรกลับโยงไปที่บริษัทผู้ผลิต ซึ่งควรจะเป็นเรื่องของแอสตรา เซนิก้า ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง Siam Bioscience และในส่วนของSiam Bioscience ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ควรจะเป็นกรรมการบริษัท ที่รับผิดชอบ แต่นายธนาธร กลับพุ่งเป้าไปที่ผู้ถือหุ้น ซึ่งโยงไปถึงในหลวง ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด  เขาโยงถึงในหลวงถึง 14 ครั้ง ทั้งๆที่ควรจะเป็นกรรมการบริษัท Siam Bioscience ที่ต้องรับผิดชอบ (ถ้ามีปัญหาใดๆ) ข้อมูลแปลกๆที่ได้รับคือ การที่นายธนาธรทำแบบนี้ เพราะเขาคิดว่า เขาต้องการปกป้องสถาบัน…???

ต่อมาทางเพจ พรรคก้าวไกล – Move Forward Party ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่จะมีการฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาทกับหมอวรงค์ โดยระบุข้อความว่า

[ อ้างเพื่อเอื้อตัวเอง ‘ปดิพัทธ์’ ชี้การกระทำของ ‘หมอวรงค์’ ไม่ส่งผลดีต่อสถาบันกษัตริย์เลยแม้แต่น้อย เผย ก้าวไกลเตรียมฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท ย้ำ การเสนอแก้ไข ม.112 ไม่ใช่ปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ]

“สิ่งที่เราตั้งข้อสงสัยต่อการกระทำของนายเเพทย์วรงค์ มาจากการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าว อ้างเพื่อเป็นครื่องมือให้ตัวเองกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองใช่หรือไม่ หากนายเเพทย์วรงค์มีเจตนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงต้องไม่นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องกำบังเพื่อให้ตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมือง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เลยแม้เเต่น้อย หากยังเดินหน้ากระทำการเช่นนี้ต่อไป ประชาชนจะเข้าใจผิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่กับประชาธิปไตย ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย”

Padipat Suntiphada – ปดิพัทธ์ สันติภาดา

ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวชี้แจงจากกรณีที่นายเเพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี เตรียมล่ารายชื่อประชาชนคัดค้านแก้กฎหมายมาตรา 112 ซึ่งเป็นญัตติที่พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยให้เหตุผลว่า การแก้ไขดังกล่าวเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เเละเป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

“พรรคก้าวไกลเเละผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรายึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราพูดเรื่องนี้ในหลายครั้งในการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จุดยืนของพรรคเราไม่มีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เลยสักนิดเดียว การที่นายแพทย์วรงค์ใส่ร้ายเเละแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 112 ต่อพี่น้องประชาชน และพาดพิงต่อพรรคก้าวไกลว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองเเละล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เรื่องที่เป็นการกล่าวข้อมูลเท็จและเป็นการหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง ทำให้พี่น้องประชาชนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพรรคก้าวไกล โดยทางพรรคก้าวไกลจึงเห็นด้วยที่จะฟ้องนายเเพทย์วรงค์ ในมาตรา 326 เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท”

ปดิพัทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่รับแจ้งความจากนายเเพทย์วรงค์ ทั้งที่รู้ว่าเป็นข้อมูลเท็จ พรรคก้าวไกลก็จะพิจารณาเช่นกันว่าจะดำเนินคดีอย่างไรต่อ ในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบต่อพรรคการเมืองเเละประชาชน อาจเป็นการเอาผิดตามมาตรา 200 หรือ 157 ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินคดีต่อพี่น้องประชาชนในเหตุที่เกินควรได้

ซึ่งที่น่าสนใจคือ ที่ทางพรรคก้าวไกลได้ออกมาแถลงถึงกรณีที่จะดำเนินคดีกับหมอวรงค์ ที่กล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่มีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เลยสักนิดเดียว ซึ่งก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ถ้าหากมองย้อนกลับไป ในการเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎรที่ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันนั้น เคลื่อนไหวโจมตีสถาบัน แสดงพฤติกรรม ท่าที ดูหมิ่นสถาบัน ใช้สื่อโซเชียลในการเคลื่อนไหว บิดเบือนข้อมูล เพื่อพุ่งเป้าโจมตีไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ซึงทำให้กลุ่มแกนนำและผู้ชุมนุม หลายคนได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายมาตรา 112

ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ให้ความช่วยเหลือในเรื่องของคดีความมาตลอด โดยช่วยประกันตัวแกนนำที่ถูกดำเนินคดี โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวผู้กระทำผิด และยังมีการออกมาสนับสนุนม็อบในการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ด้วย หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวไปในแนวทางเดียวกับม็อบ แต่ก็ยังออกมาแสดงจุดยืนว่าไม่มีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งดูย้อนแย้งกับพฤติกรรมเป็นอย่างมาก??