อ.ชูชาติ เปิดหลักฐานสำคัญ ครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ ชี้ชัด รู้อยู่แล้วว่า ที่ดินอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่ก็ยังยืนยันที่จะซื้อต่อ!?!
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ กรมป่าไม้และศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในความผิดใช้เอกสาร ภ.บ.ท.5 และ น.ส.2 ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแบบผิดกฎหมาย เนื้อที่รวม 440 ไร่ และได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา และได้ส่งเรื่องราวให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการตามมูลฐานความผิดการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือเป็นมูลฐานความผิดของกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งดำเนินการไปแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมประเมินความเสียหายภาครัฐ เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมาย
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 “ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนญาต”, ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐาน “เข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97 ฐาน “กระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ”
โดยทางคณะเจ้าหน้าที่ของชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้สืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า มีการนำเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3 ก ที่เป็นเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนมาก ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 60 ฉบับ (รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ ) นำมายึดถือครอบครองที่ดิน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมขยายผลสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบต่อเนื่องจนถึงวันนี้
ล่าสุด นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ว่า นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกันแถลงที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กรณีที่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ใช้เอกสารที่ออกโดยมิชอบมาครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่รวม 2,154-3-82 ไร่
โดยนายอดิศรกล่าวว่า กรมป่าไม้ได้ขยายผลสืบสวน สอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของนางสมพร หลังจากที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 พบว่ายังมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3 ก ที่เป็นเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนมากคือนางสมพร น.ส.ชนาพรรณ และ นายธนาธร อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 60 ฉบับ รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ นำมายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี
ผลการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์อยู่ในท้องที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่เนื้อที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 3 พันไร่เศษ มีการใช้ประโยชน์โดยปลูกยูคาลิปตัสต่อเนื่องทั้งพื้นที่ สืบทราบมีการจ้างเฝ้าดูแลพื้นที่โดยกลุ่มบุคคลในพื้นที่ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ด่านท่าตะโก สืบสวนสอบสวนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดถูกครอบครองโดยใช้เอกสารสิทธิประเภท นส.3 ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 60 ฉบับ และตรวจสอบพบผู้ครอบครอง น.ส.3 ก คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ รวมเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่
การตรวจพบเอกสารทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 หรือก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3 ก ทั้ง 60 ฉบับ จึงเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ผู้ครอบครองคือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำเอกสารนำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนำมายึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการกระทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก ทั้ง 60 แปลงเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่ ด้วย
โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วตามรายละเอียดข้างต้นจึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เชื่อได้ว่า เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมวลกฎหมายที่ดินตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายอาญากับนางสมพร น.ส.ชนาพรรณ นายธนาธร และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันกระทำความผิดอีก 5 คน รวมทั้งฟ้องแพ่ง จำนวน 147,063,223.15 บาทด้วย
จากการตรวจสอบพบบันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า ข้าพเจ้ารับทราบอยู่แล้วที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครอบที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้