พี่ดี้ หนุน ไทยภักดี ล่า 1 แสนรายชื่อ ค้านก้าวไกลอยากแก้ 112 ล้างความผิด ธนาธร ปมไลฟ์วัคซีนโควิด

3346

จากที่วานนี้ (3 ก.พ. 2564) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จัดแคมชวนประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 ว่า การที่พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 โดยอ้างว่า เป็นการปฏิรูปสถาบันฯ

ซึ่งจากความเคลื่อนไหวทั้งหมด พรรคไทยภักดีเห็นว่า พรรคก้าวไกลมีเจตนาล้มล้างสถาบันฯ โดยใช้การแก้มาตรา 112 เป็นบันไดขั้นแรก และต้องการล้างความผิดให้แก่ผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และพรรคพวก ทั้งคนที่ถูกดำเนินคดีแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินคดี

นอกจากนี้ยังไม่เห็นปัญหาจากบังคับใช้ของมาตรา 112 มีแต่พบว่าปัญหามาจากนักการเมืองมากกว่าตัวกฎหมาย พรรคไทยภักดีจึงขอคัดค้านการแก้ไขมาตรา 112 ให้ถึงที่สุด โดยเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ครบ 100,000 ชื่อ เพื่อแสดงเจตนารมย์คัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ไลน์ ทวิตเตอร์ โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน

จากนั้นจะนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป และวันที่ 4 ก.พ. เวลา 10.30น. ตนจะไปยื่นร้อง นายธนาธร ในความผิดตามมาตรา 112 และมาตรา 116 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในประเด็นการไลฟ์ เรื่องวัคซีน และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ

ด้าน นายนิติพงษ์ ห่อนาค หรือ ดี้ นักแต่งเพลงชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ฉันเอาด้วยอยู่แล้ว…ใครที่คิดเหมือนกัน..ไปลงชื่อร่วมกันที่นี่ นี่เป็นการแสดงออกของพลังเงียบที่ง่ายที่สุดจ้ะ.. พร้อมกับแชร์แพลตฟอร์มในการร่วมลงชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับผู้ที่สนใจร่วมค้านพรรคก้าวไกล เสนอแก้กฎหมายอาญา ม.112 ล้างความให้ผิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่นพ.วรงค์ ค้านพรรคก้าวไกล เสนอแก้กฎหมายอาญา ม.112 ล้างความให้ผิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาจากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฐานความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 จากการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กถึงปัญหาการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล (หัวหัววัคซีนพระราชทาน)

นายชัยธวัชระบุว่า 1.การออกมาแสดงความคิดเห็นของนายธนาธร ในกรณีดังกล่าวถือเป็นการตรวจสอบรัฐบาลเรื่องที่สำคัญมาก ๆ คือการจัดการวัคซีนและจะกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เป็นการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการเรื่องวัคซีนเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่เป็นการชี้นำเพื่อให้เกิดการดูถูกเกลียดชังตามที่รัฐบาลกล่าวหา เรื่องนี้ในคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ของสภาผู้แทนราษฎร เคยตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงเลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ รับเทคโนโลยีการผลิตมาโดยที่รัฐบาลให้งบประมาณสนับสนุน

ดังนั้น เป็นการตรวจสอบโดยปกติ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นคนแรกที่ออกมาเปิดเผยในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ในพิธีเซ็นสัญญาจัดซื้อวัคซีน และได้กล่าวว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการพระราชทานให้บริษัทบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีน จึงกลายเป็นที่สนใจของสาธารณะจนถึงปัจจุบัน

“เรื่องนี้ถือเป็นการตรวจสอบ เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน ไม่เฉพาะนายธนาธรที่ตั้งคำถามเรื่องนี้ ดังนั้น หน้าที่ของรัฐบาลควรออกชี้แจงข้อมูลโดยละเอียดให้เกิดความโปร่งใสว่าเหตุใดถึงใช้งบประมาณ และทำสัญญากับบริษัทเอกชนต่าง ๆ อย่างไร รวมถึงออกมาเปิดเผยสัญญาที่ทำกับบริษัทเอกชนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้สาธารณชนหมดความสงสัย เป็นการสร้างความชอบธรรมของรัฐบาลตอบคำถามกับสังคมได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใช้มาตรา 112 มาปิดปาก ไม่ให้เกิดการตรวจสอบเรื่องนี้กับสาธารณชน” นายชัยธวัช กล่าว

กรณีแจ้งความมาตรา 112 แก่นายธนาธร เป็นอีกกรณีที่ตอกย้ำว่า ปัจจุบันมีการใช้มาตรา 112 และกฎหมายความมั่นคงอื่น ๆ ไม่ว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ เป็นเครื่องมือปราบปรามทางการเมือง ปิดปากไม่ใม่ให้คนวิจารณ์ตรวจสอบรัฐบาล ปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง เราพรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าการใช้มาตรา 112 ในลักษณะนี้จะยิ่งส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน และยิ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันฯ ในสังคมประชาธิปไตย นี่ไม่ใช่การปกป้องสถาบันฯ ที่ถูกวิธี

“พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอร่างกฎหมาย เพื่อแก้กฎหมายประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับฐานความผิดเรื่องหมิ่นประมาททั้งหมด ไม่ว่าบุคคล เจ้าหน้าที่รัฐ หรือองค์พระมหากษัตริย์ และยื่นร่างแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ ร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะด้วย เพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน รวมถึงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงในสังคมประชาธิปไตย เรายังเชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์รวมถึงสถาบันการเมืองอื่น ๆ ยังมีความชอบธรรมดำรงอยู่ในได้ในสังคมสมัยใหม่ ด้วยความยอมรับ ยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจกดบังคับ ใช้กฎหมายที่มีอัตราโทษสูงเกินกว่าเหตุ มีการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ถูกต้องตามทางการกฎหมายปกติ”

ขณะที่มีรายงานว่า ทางด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินทางมายังศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก หลังศาลนัดไต่สวนคำร้องคัดค้านของคณะก้าวหน้า ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลที่สั่งลบลิงก์ตามคำขอของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เรื่องการเผยแพร่ภาพและคลิปเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิดของรัฐบาลที่มีการพาดพิงสถาบันฯ ผ่านเพจคณะก้าวหน้า

นายธนาธร เปิดเผยว่า การวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิดของรัฐบาลแก่คนไทยเป็นสิ่งที่เราทำด้วยความประสงค์ดี เพราะจนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้ว่าจะจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนได้เท่าไหร่ และตอนนี้ล่าช้าไปหนึ่งเดือนแล้ว ความเสียหายทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันเอาไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนร้อยละ 50 ภายใน 3 ปี ฉะนั้นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องกลยุทธ์การจัดซื้อจัดหาวัคซีนจึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำ เพราะเป็นเรื่องความเป็นความตายของประชาชน

เนื่องจากคนที่หาเช้ากินค่ำ แรงงานนอกระบบที่ไม่มีประกันสังคม ไม่มีความมั่นคงในชีวิต รอนานเป็นปีไม่ได้ หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว จึงเป็นกังวลในเรื่องนี้ ยืนยันสิ่งที่ทำไปเพื่อปกป้องประชาชน ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ มองว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้หากเป็นการกล่าวถึงโดยสุจริตเพราะสถาบันฯ ก็เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองและคนในประเทศ การกล่าวถึงโดยสุจริต ไม่อาฆาตมาดร้ายพยาบาทเพื่อความหวังดีต่อสังคมย่อมเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ส่วนกรณีที่นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม จะเดินทางไปแจ้งความตนเองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ตนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ

ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ระบุว่า วันนี้เตรียมพยานหลักฐานมาพอสมควร แต่ต้องรอดูพยานหลักฐานฝั่งผู้กล่าวหาก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง