ยั่วยุปลุกปั่น ชาวเมียนมา ให้ชู “สัญลักษณ์สามนิ้ว” หวังใช้เป็นเครื่องมือป่วนไทย ทั้งที่ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ “เห็นด้วยรัฐประหาร”

2508

“แก๊งสามกีบ” ยิ้มหวาน!! ยั่วยุปลุกปั่น ชาวเมียนมา ให้ชู “สัญลักษณ์สามนิ้ว” หวังใช้เป็นเครื่องมือป่วนไทย ทั้งที่ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ “เห็นด้วยรัฐประหาร”

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 ได้มีประกาศจาก กองทัพเมียนมา ได้ทำการก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครอง พร้อมกับได้แต่งตั้งให้ทางด้านของ พลเอกมยิน ซเว รองประธานาธิบดี รักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี

ซึ่งการประกาศเข้าควบคุมและยึดอำนาจในครั้งนี้ ต่างเป็นที่จับตามองของทั่วโลก และเคลื่อนไหวกดดันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่าเมียนมา ถือเป็นประเทศทางภูมิศาสตร์ที่ดี ของทั้ง สหรัฐอเมริกา และ จีน-รัสเซีย

แม้ว่าการยึดอำนาจของเมียนมาในครั้งนี้จะไม่ค่อยส่งผลกระทบอะไรมากมายนักกับประเทศไทย แต่แก๊งสามกีบ และกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทย ต่างก็รีบออกมาเคลื่อนไหว โดยแสดงความเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกแก๊งคณะราษฎร ต่างต้องการหยิบยืมสถานการณ์ของประเทศเมียนมา มาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนทางการเมืองเพื่อโจมตีรัฐบาลไทย

อย่างที่เห็นได้ชัด ก็จะเป็นกลุ่มคณะก้าวหน้า ซึ่งมีทางด้านของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวในทันทีโดยนำเรื่องการรัฐประหารในประเทศเมียนมา มาโยงโจมตี รัฐบาลไทย ทั้งที่ไม่มีความเหมือนกันเลยในความเป็นจริง โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวไว้คร่าวๆ ประมาณว่า

“ยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมา ประชาธิปไตยต้องกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด”
ในฐานะประชาชนคนไทย เพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเมียนมาตลอดมา ผมขอร่วมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาทุกคน เรียกร้องประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศ และผมหวังว่ารัฐบาลไทยจะไม่ยอมรับการรัฐประหารครั้งนี้ ไม่ยอมรับรัฐบาลที่ขึ้นสู่อำนาจโดยการปล้นชิงสิทธิเสรีภาพของประชาชน

แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย จะเคยขึ้นสู่อำนาจด้วยวิธีเดียวกันมาก่อนก็ตาม
ในฐานะพลเมืองอาเซียน ผมกังวลว่าการรัฐประหารจะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้ยิ่งริบหรี่ลง และผมละอายใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยในตอนนี้ ไม่อาจทำหน้าที่ประทีปแห่งประชาธิปไตยของอาเซียนได้เหมือนกับที่เคยเป็น

เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้สำหรับคนรุ่นต่อไป เราทุกคนมีภารกิจที่จะต้องช่วยกันประณามการรัฐประหาร อย่าให้พื้นที่แก่เผด็จการ อย่ายอมให้ประชาชนถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยกองทัพที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเรา
ในนามของประชาธิปไตย เราขอยืนหยัดร่วมกับประชาชนเมียนมาต่อสู้กับเผด็จการ
จนกว่าอำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน”

ซึ่งในวันเดียวกัน ทางด้านของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้เดินทางไปที่สถานทูตเมียนมา มาร่วสังเกตการณ์ เนื่องจากมีการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร และกลุ่มการ์ด Wevo และแรงงานชาวเมียนมา รวมตัวกันที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ เพื่ออ่านแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการทำรัฐประหารในเมียนมา และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจี

ต่อมาเหมือนกับทางด้านของ เมียนมา จะได้รับการตอบรับ ตามที่ม็อบสามนิ้วต้องการ นั่นก็คือ ได้มีการปรากฎภาพ นักการเมืองกลุ่มหัวหน้าพรรค NLD ของอองซานซูจี และประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง

แต่หนึ่งในคนที่น่าสนใจเห็นทีจะเป็น “ไป๋ ทากุล” หรือ “ไป่ ตะขู่น” นายแบบชื่อดังชาวพม่า ก็ได้ทำการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์บนเฟซบุ๊กใหม่ เป็นภาพตนเองนั้น ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้านของ ไป๋ ทากุล ก็ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการรัฐประหารของกองทัพพม่า พร้อมทั้งกดดันให้ปล่อยตัว อองซาน ซูจี อีกด้วย

ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าทางของกลุ่มม็อบสามนิ้วในไทย ที่ต้องการปั่นป่วนเมียนมา เพราะหวังผลกระทบมาโยงกับการเมืองประเทศไทย เรียกได้ว่าเลือดเย็นเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าสาเหตุที่แท้จริง ที่เกิดการรัฐประหารในครั้งนี้ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกตั้ง แต่อาจจะเป็นเพราะการก้าวเดินของพรรค NLD ที่ได้มีแนวทางหลัก ๆ 3 เรื่องคือ

1. การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ

2. การต้องปฏิรูปเพื่อลดบทบาทของกองทัพ

3. การต้องการแก้สถาภาพประเทศจากสหภาพเมียนมาร์สู่สหพันธรัฐเมียนมา

โดยที่ประชุมรัฐสภาพม่าได้ห้ามยื่นญัตติแก้ไขรธน.ที่นำเสนอโดยพรรคสันติบาตเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดีซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ที่จะตั้งใจลดการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพพม่า

โดยรัฐสภามีการประชุมลงญัตติเสนอบทแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่สมาชิกสภาได้วีโต้ญัตติให้แก้ไขเนื้อหาในการลดจำนวนที่นั่งสมาชิกสภาจากกองทัพและยกเลิกหมวดชื่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดในงานป้องกันประเทศในชื่อ “ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพทั้งมวล”

ทั้งนี้ทางด้านของ นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนสารคดีชื่อดังและนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนหญิง บุตรสาวอาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว ปราชญ์ด้านภาษาไทย ก็ได้โพสต์ข้อมูลในส่วนความคิดเห็นของกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมาที่มีต่อการรัฐประหาร “อองซาน ซูจี” ว่ามีความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นการรวบรวมการสัมภาษณ์เพื่อนสัญชาติพม่า และคนของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีข้อความประมาณว่า

ซูจีไม่เห็นหัวชนกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่อยากร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่อยากเอาคนของกลุ่มชาติพันธุ์เข้าร่วมทำงานการเมืองในสภา ซูจีไม่เอาอย่างชัดเจนมาก ดังนั้นรัฐประหารครั้งนี้น่าจะดีกับประเทศของเรา มากกว่าปล่อยให้ซูจีเปิดสภาแล้วตั้งรัฐบาลปกครองประเทศต่อไป