จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา มีประชาชนชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง เดินทางมารวมตัวกันเพื่อแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องการก่อรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ที่บริเวณหน้าสถานครราชทูตเมียนมา เขตยานนาวา โดยแนวร่วมกลุ่ม WeVo นำโดยนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ มาร่วมอ่านแถลงการณ์ต่อต้านการรัฐประหารในพม่า
โดย กลุ่ม WeVo ได้ออกแถลงการณ์ประณามการรัฐประหารในเมียนมา โดยมีเนื้อหาว่า จากสถานการณ์ที่มีทหารของประเทศเมียนมาได้กระทำการอุกอาจก่อการรัฐประหาร ขึ้นในประเทศ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (1 ก.พ. 64) และมีการจับกุม ผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรี นักการเมือง รวมถึงประชาชนหลายคน ซึ่งเหตุปัจจัยในการทำรัฐประหารครั้งนี้มาจาก การที่เผด็จการทหารเมียนมาไม่ยอมให้ประเทศของตนมีประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง และการแก้ไข รัฐธรรมนูญของผู้แทนราษฎร และที่พวกเผด็จการทหารพึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในสนามเลือกตั้ง นำไปสู่ความหวาดกลัวว่ารัฐบาลประชาชนที่ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายกำลังจะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดบทบาท และอำนาจกองทัพลง
ในฐานะพลเมืองชาติสมาชิกอาเซียน เราไม่อาจจะนิ่งเฉยได้ต่อการกระทำดังกล่าว ประเทศไทยจะต้องไม่รับรองการทำรัฐประหาร และไม่รับรองรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไม่ว่าจะชนชาติ เชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อใด ก็ควรได้รับการช่วยเหลือจากมนุษยชาติด้วยกันเพื่อรับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของทุกคน We Volunteer ขอเรียกร้องให้ผู้นำการรัฐประหารในเมียนมา ยุติการกระทาดังกล่าว หยุดการจับกุมคุมขังประชาชน และเร่งคืนประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด
และเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณโดยรอบสถานทูตมีตำรวจ สน.ยานนาวา ร่วมกับตำรวจ บก.น.6 และตำรวจควบคุมฝูงชนกว่า 40 นายวางกำลังโดยรอบ เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมกับนำแผงเหล็กกั้นโดยรอบสถานทูต ห้ามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ และนำรถควบคุมผู้ต้องขังหนึ่งคันมาจอดไว้บริเวณด้านหน้าสถานทูต ส่วนการจราจรนั้นเจ้าหน้าที่ให้ทำการปิดสองช่องทางจากฝั่งทางเท้า บีบเหลือช่องทางการจราจรเพียงสองช่องทางเท่านั้น
หน่วยควบคุมฝูงชนได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณที่มีการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมา เบื้องต้นกลุ่ม wevo ได้พยายามตั้งแนวเพื่อตั้งรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เพียง 5 นาทีก็สามารถดันผู้ชุมนุมไปจนถึงบริเวณ BTS ช่องนนทรีได้ ขณะนั้นได้เกิดเสียงคล้ายประทัดยักษ์ และมีกลุ่มควันขึ้นมาจำนวน 2 ครั้ง ส่งผลให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกระจายตัวออกไป ขณะที่กลุ่มการ์ดและประชาชนบางส่วนได้ขว้างปาสิ่งของ เช่น รั้ว หลอดไฟ ขวดแก้ว และกรวยจราจร ตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่มาควบคุมพื้นที่ ก่อนกลุ่ม wevo ได้ถอยออกมาจนถึงสี่แยกแล้วประกาศสลายตัว
ต่อมาวานนี้ (2 ก.พ. 2564) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้นำตัวนายปัณณพัทธ์ จันทนางกูล อายุ 19 ปี และ นายเกียรติศักดิ์ พันธ์เรณู อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจากกรณีเกิดเหตุชุลมุนกลางถนนสาทร หลังกลุ่มการ์ด wevo (วีโว่) ร่วมชุมนุมต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ที่หน้าสถานทูตเมียนมาในประเทศไทย จนมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 14 นาย มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 – 13 ก.พ. นี้ เนื่องจากยังต้องสอบพยานอีก 5 ปาก และรอผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 สืบเนื่องจากประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ต่อมาเวลา 14.45 น. ของวันเดียวกัน ประชาชนชาวเมียนมาที่อยู่ในประเทศไทยเกิดความไม่พอใจ จึงได้ออกมารวมตัวกันที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ต่อมาได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50-60 คน ได้มาชุมนุมเรียกร้องและต่อต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ทำการปราศรัยอยู่ที่บริเวณหน้าสถานทูตเมียนมา เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าไปทำการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ชุมนุมและบริเวณใกล้เคียง
ผกก.สน.ยานนาวา ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ นายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ ผู้ถูกจับที่ 1 (ส่งศาลแขวงกรุงเทพใต้) นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมคนอื่นให้เลิกตามเวลาที่กำหนด ปรากฏว่าผู้ต้องหากับกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนไม่ยอมเลิกการชุมนุมในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงได้ทำการกระชับพื้นที่ผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม กระทั่งเวลา 17.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกระชับพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ได้ร่วมกันขว้างปาก้อนอิฐ ก้อนหิน ประทัดลูกบอล ควันและพลุสีเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน
หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 30 คน รวมทั้งนายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ยังได้เข้าร่วมใช้กำลังกับตำรวจที่ทำการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการขว้างปาขวดน้ำ กรวยยาง หิน ก้อนอิฐใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน และยังใช้ท่อนเหล็กทุบตีแผงโล่ควบคุมฝูงชนจนได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นมีการใช้ท่อนเหล็ก ดิ้วเหล็ก ตีและใช้แผงเหล็กทุ่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บแก่กายจำนวน 14 นาย จึงทำการจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 3 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวาให้ดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนได้แยกดำเนิน นายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ ไปที่ศาลแขวงฯ
โดยกล่าวหาว่า มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 มาตรา 9 (2) ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หากให้ประกันตัวเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ขณะที่ในเวลาต่อมามีรายงานเพิ่มเติมว่า ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามแล้วผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ซึ่งชั้นฝากขังนี้ผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวด้วย โดยศาลพิจารณาแล้วก็อนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ตีราคาประกันคนละ 50,000 บาท
ในวันเดียวกันนี้ ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง 72 พนักสอบสวนก็ได้นำตัว นายวิชพรรษ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาอีกรายที่กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในเหตุชุลมุนหน้าสถานทูตเมียนมา ไปยื่นฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 6 วันตั้งแต่วันที่ 2-7 ก.พ.นี้ด้วย โดยศาลแขวงพระนครใต้ก็อนุญาตให้ผัดฟ้องฝากขังผู้ต้องหานี้ตามคำร้องและได้พิจารณาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไปด้วยวิธีการสาบานตนโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์
ล่าสุด นายปิยรัฐ ได้โพสต์ข้อความว่า สวัสดีประชาชน บ่ายเมื่อวาน 3 ผู้ต้องหา คดีอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตพม่าได้รับการประกันตัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งสามกำลังใจเต็มเปี่ยม และยืนยันว่าทำไปเพื่อต้องการปกป้องแนวหลังที่เป็นประชาชน ทั้งชาวไทยและเมียนมา
ต้องขอขอบคุณ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ขอขอบคุณ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งสองท่าน และขอขอบคุณ ส.ส. เบญจา แสงจันทร์ พรรคก้าวไกล ที่เป็นนายประกันให้
สุดท้ายผมขอกราบขอบคุณ ทุกความช่วยเหลือทุกกำลังใจ ไม่ว่าจะมาจากเพื่อน ๆ การ์ดกลุ่มต่าง ๆ อาทิ การ์ดภาคีฯ การ์ดมวลชน การ์ดราษฎร การ์ดเมเฮม การ์ดพิราบขาว การ์ดอาชีวะฯ และมวลมิตรหมู่ที่สามัคคีกันในยามยาก โดยเฉพาะพี่ป้าน้าอาคนรักประชาธิปไตยทุก ๆ คน ที่เข้าอกเข้าใจกันตลอดมา
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ผมได้รับการติดต่อเป็นข้อความจาก ชาวเมียนมาร์นับร้อยฉบับ เพื่อให้กำลังใจและขอบคุณผม ขอบคุณ WEVO และขอบคุณคนไทยที่ไม่ทิ้งพวกเขาในวันที่โจรปล้นบ้าน ผมขอยืนยันว่า เรื่องประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนไม่เคยมีพรมแดน ขอให้กำลังใจ และยืนยันร่วมเคียงข้างกับชาวเมียนมาร์ที่เคารพในประชาธิปไตยทุก ๆ คน
ด้าน นายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง ได้โพสต์ภาพข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ได้แฉเหตุการณ์การปะทะกันของการ์ดวีโว่และเจ้าหน้าที่ ที่หน้าสถานทูตเมียนมา โดยข้อความระบุว่า
“ตำรวจประกาศให้เลิกชุมนุม ผ่านไปครึ่งชั่วโมงตำรวจตั้งแถวไกลเกือบโลนึง วีโว่วิ่งเข้าหาตำรวจ เพราะหน้าสถานทูตมีธนาธรอยู่ เอาแผงเหล็กโยนใส่ ระเบิดปิงปอง ตำรวจไม่มีห่าไรเลยยังเตรียมตัวไม่เสร็จ มีแต่โล่ ตำรวจยังมาไม่ถึงสถานทูตเลย คนพม่าที่เค้ามาเรียกร้องเรื่องประเทศตัวเองต้องวิ่งหนีไปด้วย
ในเฟซก็เอาแต่บอกตำรวจสลายการชุมนุม สลายพ่อ… ใครอยู่ในเหตุการณ์แล้วไม่พูดความจริงไปช่วยเค้า IO ขอให้ติดโควิด”
“เป็นงานเคลมของก้าวหน้า ขนกันไปทำให้ความชอบทำของเค้าหายหมด ขอให้แม่งติดโควิด คน…อยากมีซีน กูตงิด ๆใ จแล้ว”
“คำถามก่อนนอน ทำไมวีโวใส่ชุดการ์ดไปม็อบได้ แกนนำเคยสั่งการ์ดอาชีวะ การ์ดเสื้อแดงห้ามใส่ไปม็อบ แต่ไม่มีแกนนำคนไหนว่าวีโว่ของอดีตผู้สมัครอนาคตใหม่ ติ่งส้มเหยียดการ์ดก็ไม่วิจารณ์วีโว่เหมือนที่วิจาร์ณการ์ดอาชีวะด้วย ทำไม..”
“กูสายปะทะเลยนะ แต่สิ่งที่กูต้องโพสต์ เพราะกูเห็นวันนี้มันคือการเข้าโจมตีตำรวจเพื่อปกป้องธนาธร เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้พาหลบไป ไม่ได้มีใจจะไปช่วยชาวพม่าที่เค้ามาเรียกร้องเรื่องของประเทศเค้าก่อนพวกมึงมาถึงหรอก มาเซ็ตฉากขโมยซีนคนพม่าเค้าที่ตำรวจจัดให้ชุมนุมโดยสงบ จนเค้าต้องหยุดให้พวกมึงปราศรัย
โพสต์ให้ตายไปเถอะ เค้าสั่งมาให้โพสต์แค่ว่า ตำรวจสลายการชุมนุมหรอ ภาพข่าวมันฟ้อง กูเห็น สื่อเห็น ข่าวไปถึงไหนแล้ว ในเฟซยังสลายการชุมนุมชาวเมียนมา เลยต้องออกไปช่วย แหม่ เปิดรับข่าวสารจะรู้สังคมด่าไปถึงไหน พวกมึงชอบทำให้ขบวนการพัง ภาพรวมการต่อสู้พัง เพราะอยากได้ซีนให้ไอเอก ยึดติดตัวบุคคล หลักการฉิบหา..หมดแล้ว”
นายสมบัติ ได้โพสต์อีกครั้งระบุว่า “วันที่เราบอกว่า ม็อบมีเจ้าของ เขาเล่าว่า พวกติ่งทั้งหลายมาด่ากู ทัวร์ลง จนท่าเต็ม หาว่ากูเพ้อเจ้อ อิจฉา หิวแสง อยากมีบท อย่างนี้ อย่างนั้น พอมาวันนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่า ม็อบมีเจ้าของจริง ๆ และใครเป็นเจ้าของม็อบ ใจคอจะไม่มาขอบคุณ หรือขอโทษกูกันบ้างเลยหรือที่มาบอก ใจร้ายฝุดๆ”