Truthforyou

ไอ้ตี๋จอมปลอม โดนชำแหละเละ หากินกับแรงงานชาวเมียนมา กดขี่ข่มเหงรุนแรง แต่แสร้งมีคุณธรรม

“ไอ้ตี๋” จอมปลอม!! โดนชำแหละเละ หากินกับแรงงานชาวเมียนมา กดขี่ข่มเหงรุนแรง แต่แสร้งทำเป็นมีคุณธรรม แค่เล่นเกมส์การเมืองสกปรก!?

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมา ได้ประกาศ ยืนยันว่ากองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองจากรัฐบาลพลเรือน โดยโฆษกพรรคพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี (NLD) เปิดเผย อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, อู วินมิ่นท์ ประธานาธิบดีเมียนมา และผู้นำคนอื่นๆได้ถูกควบคุมตัว

หลังจากนั้นกลุ่มคณะราษฎร และพวกที่เคลื่อนไหวขับเคลื่อนการเมืองไทย ต่างรีบเด้งออกตัว อ้างเพื่อปกป้องประชาธิปไตยเมียนมา แต่การออกมาปกป้องนี้ ไม่ได้มีใจที่จะช่วยเหลือปกป้องชาวเมีนมาจากใจจริง เนื่องจากว่า ได้มีการโยงกลับมาที่ประเทศไทย เหมือนกับว่าเอา การรัฐประหารเมียนมา มาเป็นเครื่องมือเพื่อโจมตีรัฐบาล และสถาบันฯ เท่านั้นเอง

โดยหลังจากที่ประกาศรัฐประหารเมียนมาได้ไม่นาน ทางด้านของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในเมียนมา โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า ยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมา ประชาธิปไตยต้องกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด

ผมทราบข่าวการรัฐประหารในเมียนมาด้วยความหนักใจและกังวลใจอย่างยิ่ง ทั้งในฐานะประชาชนคนไทย และในฐานะพลเมืองอาเซียน

เป็นเวลา 10 ปีเต็มที่กองทัพเมียนมาปล่อยให้เกิดการเลือกตั้งและมีรัฐบาลพลเรือนบริหารประเทศ เนื่องจากแรงกดดันจากนานาชาติ 5 ปีแรก รัฐบาลของพลเอกเต็ง เส่ง ยังคงเป็นรัฐบาลใต้ร่มเงาของกองทัพแม้ผ่านการเลือกตั้ง แต่ 5 ปีหลัง รัฐบาลของพรรค NLD ภายใต้การนำของอองซาน ซูจี ได้บริหารประเทศสมกับที่ประชาชนรอคอยมาหลายสิบปี แม้รัฐสภาจะยังมีสมาชิกที่แต่งตั้งโดยกองทัพนั่งอยู่ถึง 1 ใน 4 แต่รัฐบาลพลเรือนก็พยายามบริหารประเทศจนเมียนมาพัฒนาขึ้นในหลายด้าน

แต่แล้วการพัฒนาประชาธิปไตยที่กำลังออกดอกออกผลลงไปสู่ประชาชนเมียนมา ก็มีอันต้องสะดุดลง กองทัพตัดสินใจรัฐประหารหลังจากพรรค NLD ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และมุ่งมั่นจะเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

รัฐประหารครั้งนี้ ชัดเจนว่ากองทัพทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง กลัวการถูกปฏิรูปจนต้องทำรัฐประหาร ทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถหาข้ออ้างที่ชอบธรรมใดๆได้เลยในการปล้นอำนาจจากมือประชาชน

ในฐานะประชาชนคนไทย เพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเมียนมาตลอดมา ผมขอร่วมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาทุกคน เรียกร้องประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศ และผมหวังว่ารัฐบาลไทยจะไม่ยอมรับการรัฐประหารครั้งนี้ ไม่ยอมรับรัฐบาลที่ขึ้นสู่อำนาจโดยการปล้นชิงสิทธิเสรีภาพของประชาชน แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย จะเคยขึ้นสู่อำนาจด้วยวิธีเดียวกันมาก่อนก็ตาม

ในฐานะพลเมืองอาเซียน ผมกังวลว่าการรัฐประหารจะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้ยิ่งริบหรี่ลง และผมละอายใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยในตอนนี้ ไม่อาจทำหน้าที่ประทีปแห่งประชาธิปไตยของอาเซียนได้เหมือนกับที่เคยเป็น

เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้สำหรับคนรุ่นต่อไป เราทุกคนมีภารกิจที่จะต้องช่วยกันประณามการรัฐประหาร อย่าให้พื้นที่แก่เผด็จการ อย่ายอมให้ประชาชนถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยกองทัพที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเรา

ในนามของประชาธิปไตย เราขอยืนหยัดร่วมกับประชาชนเมียนมาต่อสู้กับเผด็จการ
จนกว่าอำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน

หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีประชาชนจำนวนมาก ได้แชร์ข่าวเก่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2555 ซึ่งเป็นเรื่องการชุมนุมประท้วง ของแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวนประมาณ 200 คน บริเวณด้านหน้าอาคารบางโฉลงอพาร์ทเมนท์ ซึ่งเป็นของบริษัทไทยซัมมิท

โดยทางด้านของแกนนำผู้ชุมนุม ได้เปิดเผยว่า เหตุผลที่มารวมตัวชุมนุมเนื่องจากว่า บริษัทดังกล่าว มีหอพักสวัสดิการพนักงานอยู่ภายในอาคาร แต่อยู่ๆทางด้านหอพักกลับขึ้นราคาจากของเดิมอีก 900 บาท และยังถูกเอาเปรียบจากนายจ้างในเรื่องของค่าแรง คนงานไทยทำงานในตำแหน่งเดียวกันกับคนต่างด้าว แต่คนไทยได้เงินมากกว่า มีสวัสดิการดีกว่า จึงเป็นเหตุให้รวมตัวกันประท้วงในครั้งนี้

ซึ่งจากข่าวดังกล่าวก็แสดงให้เห็นถึงความชัดเจน ในแนวทางความคิดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ในขณะนั้น ว่าแท้จริงแล้ว ไม่ได้เห็นคุณค่าความเท่าเทียม ตามที่ได้ออกตัวมาอย่างตลอดในการหาเสียงเลย อีกทั้งยังทำให้หลายๆคนรู้สึกว่า การที่นายธนาธร ออกมาปกป้องประชาธิปไตยเมียนมานั้น เป็นเพียงแค่เกมส์การเมืองเท่านั้นเอง

Exit mobile version