ก้าวไกล เปิด 3 ข้อเรียกร้อง จุ้นรัฐประหารเมียนมา เสนอให้คว่ำบาตรคณะรัฐประหาร!?!

2223

พรรคก้าวไกล แถลง เปิด 3 ข้อเรียกร้อง จุ้น รัฐประหารเมียนมา พร้อมประณามเสนอให้คว่ำบาตรคณะรัฐประหารทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ

จากที่วันนี้ (1 ก.พ. 2564) สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานข่าวว่า ช่วงเช้าตรู่ เมียว ยุนต์ โฆษกพรรคพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี (NLD) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, อู วินมิ่นท์ ประธานาธิบดีเมียนมา และผู้นำคนอื่น ๆ ได้ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพเมียนมา โดยระบุว่า “ผมต้องการจะบอกกับประชาชนของเราว่าอย่าตอบโต้อย่างผลีผลาม และผมต้องการให้พวกเขาทำตามกฎหมาย” เมียว ยุนต์ กล่าวโดยเรียกร้องให้สมาชิกพรรคทำตามกฎหมาย และอย่ากระทำการใด ๆ ที่หุนหันพลันแล่น

การจับกุม อองซาน ซูจี เกิดขึ้นในช่วงที่กำลังเกิดความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับกองทัพเมียนมา ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพเพื่อล้มรัฐบาล โดยอ้างข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ซึ่งพรรคของนางซู จี ได้รับชัยชนะถล่มทลาย ต่อมาทางกองทัพเมียนมา ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน เสมือนเป็นการยึดอำนาจ แล้ว ตั้ง “รองปธน. Myint Swe” เป็น ประธานาธิบดี คุมอำนาจ 1 ปี

ล่าสุดทางด้าน พรรคก้าวไกล ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการรัฐประหารในประเทศเมียนมา (Statement on the Military Coup in Myanmar, English version below) ว่า

พรรคก้าวไกล ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของประเทศเมียนมา ด้วยความห่วงใยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวว่ากองทัพเมียนมาจะทำการรัฐประหาร รัฐบาลพลเรือนที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างถล่มทลาย โดยอ้างเหตุผลว่าพรรครัฐบาลโกงการเลือกตั้ง
ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา แม้โครงสร้างการเมืองของเมียนมาจะยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ด้วยการกำหนดโควต้าผู้แทนและรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งให้กองทัพ แต่บนเส้นทางประชาธิปไตยของเมียนมา ประชาชนยังคงได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องและสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาชนได้
เป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่วันนี้ผู้นำทหารของเมียนมา ทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างขึ้นมา ทำลายพัฒนาการประชาธิปไตย และที่ร้ายแรงที่สุด คือการทำลายเจตจำนงของประชาชน ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กองทัพเมียนมาได้เข้าควบคุมตัวผู้นำของรัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ผู้นำชนกลุ่มน้อย และนักกิจกรรมหลายคน รวมทั้งตัดการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านการรัฐประหารของประเทศไทย ขอประณามการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ที่นำโดย พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพรรคก้าวไกลขอเรียกร้องต่อพรรคการเมือง และรัฐบาลในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประชาคมระหว่างประเทศและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ดังนี้
1. เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาให้ปล่อยตัวนางซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, ประธานาธิบดีวิน มินต์, และผู้ที่ถูกกองทัพควบคุมตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข
2. เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาไม่ให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชนเมียนมาที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร และต้องยุติการปิดกั้นการสื่อสารทุกชนิด ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน
3. เรียกร้องให้พรรคการเมืองและรัฐบาลต่างๆ มีมาตรการคว่ำบาตรคณะรัฐประหารเมียนมาทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การรัฐประหารโดยกองทัพไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาทางการเมืองหรือวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องในระบอบประชาธิปไตย กองทัพไม่มีสิทธิเหนือเสียงของประชาชนในการอ้างเหตุผลใดๆ เพื่อยึดอำนาจการปกครอง การรัฐประหารมีแต่จะทำให้ประเทศถอยหลังไม่แค่การเมือง แต่รวมถึงเศรษฐกิจ ดังที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้เพื่อนพรรคการเมืองในภูมิภาคที่เคารพในอำนาจสูงสุดและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกันประณามคณะรัฐประหารในเมียนมา เพื่อให้กลับไปใช้กระบวนการของระบบรัฐสภาแก้ปัญหาทางการเมืองและฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับมาโดยเร็วที่สุด
ในขณะที่ทางด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนว่า ยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมา ประชาธิปไตยต้องกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ผมทราบข่าวการรัฐประหารในเมียนมาด้วยความหนักใจและกังวลใจอย่างยิ่ง ทั้งในฐานะประชาชนคนไทย และในฐานะพลเมืองอาเซียน
เป็นเวลา 10 ปีเต็มที่กองทัพเมียนมาปล่อยให้เกิดการเลือกตั้งและมีรัฐบาลพลเรือนบริหารประเทศ เนื่องจากแรงกดดันจากนานาชาติ 5 ปีแรก รัฐบาลของพลเอกเต็ง เส่ง ยังคงเป็นรัฐบาลใต้ร่มเงาของกองทัพแม้ผ่านการเลือกตั้ง แต่ 5 ปีหลัง รัฐบาลของพรรค NLD ภายใต้การนำของอองซาน ซูจี ได้บริหารประเทศสมกับที่ประชาชนรอคอยมาหลายสิบปี แม้รัฐสภาจะยังมีสมาชิกที่แต่งตั้งโดยกองทัพนั่งอยู่ถึง 1 ใน 4 แต่รัฐบาลพลเรือนก็พยายามบริหารประเทศจนเมียนมาพัฒนาขึ้นในหลายด้าน
แต่แล้วการพัฒนาประชาธิปไตยที่กำลังออกดอกออกผลลงไปสู่ประชาชนเมียนมา ก็มีอันต้องสะดุดลง กองทัพตัดสินใจรัฐประหารหลังจากพรรค NLD ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และมุ่งมั่นจะเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น
รัฐประหารครั้งนี้ ชัดเจนว่ากองทัพทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง กลัวการถูกปฏิรูปจนต้องทำรัฐประหาร ทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถหาข้ออ้างที่ชอบธรรมใดๆได้เลยในการปล้นอำนาจจากมือประชาชน
ในฐานะประชาชนคนไทย เพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเมียนมาตลอดมา ผมขอร่วมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาทุกคน เรียกร้องประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศ และผมหวังว่ารัฐบาลไทยจะไม่ยอมรับการรัฐประหารครั้งนี้ ไม่ยอมรับรัฐบาลที่ขึ้นสู่อำนาจโดยการปล้นชิงสิทธิเสรีภาพของประชาชน แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย จะเคยขึ้นสู่อำนาจด้วยวิธีเดียวกันมาก่อนก็ตาม
ในฐานะพลเมืองอาเซียน ผมกังวลว่าการรัฐประหารจะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้ยิ่งริบหรี่ลง และผมละอายใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยในตอนนี้ ไม่อาจทำหน้าที่ประทีปแห่งประชาธิปไตยของอาเซียนได้เหมือนกับที่เคยเป็น
เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้สำหรับคนรุ่นต่อไป เราทุกคนมีภารกิจที่จะต้องช่วยกันประณามการรัฐประหาร อย่าให้พื้นที่แก่เผด็จการ อย่ายอมให้ประชาชนถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยกองทัพที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเรา ในนามของประชาธิปไตย เราขอยืนหยัดร่วมกับประชาชนเมียนมาต่อสู้กับเผด็จการ จนกว่าอำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน
In solidarity