พรรณิการ์บิดไลฟ์ธนาธรไม่มีสิ่งใดเท็จ ขู่รบ.อย่าเอาม.112ปิดปาก! วันบุญเกื้อไปหาหายหัวไปไหน?

2245

จากที่ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ทีมกฎหมายแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี( บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้านั้น

ทั้งนี้จากกรณีไลฟ์สดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดที่พาดพิงสถาบันหลัก ผ่านเพจคณะก้าวหน้า ฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) พร้อมกับได้ยื่นให้ศาลพิจารณาการกระทำดังกล่าว

ต่อมาวันที่ 31 มกราคม 2564 ศาลอาญาได้ตรวจสอบ พบเว็บไซต์ เผยแพร่ข้อความภาพและคลิปวีดีโอ ที่มีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร ปรากฎใน 3 URLs (รายการ) ประกอบด้วย

1.https://progressivemovement.in.th/article/3258/ 2. https://youtube/Oq7KPO5TBc8 3.https://fbwatch/3aiaDnGJTi/

โดยพบว่า เป็นโพสต์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊คและยูทูปของคณะก้าวหน้า ศาลจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) ประกอบมาตรา 20 มีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ การไลฟ์สดของนายธนาธร เนื่องจากเห็นว่า เป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย 3 URLs ดังกล่าว

นอกจากนี้ นายพุทธิพงษ์  ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับคดีความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ได้ยื่นแจ้งความนายธนาธรต่อ บก.ปอท.ไว้นั้น ต้องติดตามความคืบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.และที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยัน เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นได้

ต่อมา น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวด้วยการทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ โดยระบุว่า

“กรณีกระทรวงดิจิทัลฯ เปิดเผยว่ามีคำสั่งศาลให้ลบคลิปแถลงข่าววัคซีนของธนาธร ทั้งเฟซบุ๊กและยูทูบ เนื่องจากผิดพรบ.คอมฯ เรายังไม่ได้รับคำสั่งศาล และเรายืนยันว่าเนื้อหาที่แถลงไม่มีสิ่งใดเป็นเท็จ หรือ เป็นภัยต่อความมั่นคง ขอให้ทั้งยูทูบและเฟซบุ๊กยืนหยัดในสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นด้วย

ฝากถึงรัฐบาล การตั้งคำถามเรื่องวัคซีนเป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐ การใช้เงินจากภาษีประชาชน อย่าเอามาตรา 112 หรือพรบ.คอมฯ มาปิดปากเรา ยิ่งปิดปากเราก็ยิ่งเท่ากับเปิดแผล เปิดให้คนสงสัยในเจตนาของรัฐบาล รัฐบาลอียูเองยังเรียกร้องให้แอสตราเซเนกาเปิดสัญญา ทำไมไทยเราคนขอตรวจสอบกลับโดนคดี?

อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ยังมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญจากคอลัมนิสต์ชื่อดังอย่าง เปลว สีเงิน แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่ได้เขียนบทความไว้ในวันนี้ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 จากที่ศาลได้มีคำสั่งลบโพสต์ของนายธนาธรและคณะก้าวหน้า โดยเนื้อหาของเปลว สีเงิน มีบางช่วงที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า

เรื่องยากจำของคน ‘จิตคด’  หนักใจแทนนะ…ทอน! ไลฟ์สด “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้ ใครเสีย” ในเกมล้มเจ้า เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๔) เห็นข่าว “ศาลอาญา” สั่งให้ระงับคือให้ลบไลฟ์สดที่เผยแพร่ทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ ศาลระบุ “กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร”

ทำไม ธนาธรจึงคั่งแค้นและริษยา-อาฆาตเจ้า? ถึงขนาดนำเรื่องวัคซีนที่รัฐบาลจัดหา ไปผูกโยงกับสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นแค่โรงงานที่แอสตราเซเนกา “จ้างผลิต” ส่งให้เขา  ไปพูดบิดเบือนเป็นว่า “วัคซีนพระราชทาน” แล้วขมวดเป็นคำถามชี้นำ ว่า “ใครได้-ใครเสีย”?

มองเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจาก “จงใจบิดเบือนด้วยข้อมูลเท็จ” หวังให้คนฟัง หลงเข้าใจ ว่า….  รายการนี้ รัฐบาลผูกขาดให้ “บ.สยามไบโอฯ” ทั้งผลิต-ทั้งขาย “ได้ทั้งเงิน-ทั้งกล่อง” “เจ้าเดียว” ส่วนประชาชน มีแต่เสียกับเสีย เพราะเงินที่ซื้อ “ภาษีประชาชน”ซึ่ง “ไม่ใช่เลย”!

ที่เป็นจริง คือ รัฐบาลจองซื้อกับ “แอสตราเซเนกา” เหมือนประเทศอื่นๆ เพียงแต่แอสตราเซเนกาว่าจ้างให้ บ.สยามไบโอฯ ผลิตวัคซีนให้  และภูมิภาคอาเซียนนี้ แอสตราเซเนกาให้สยามไบโอฯ เป็นผู้ผลิตจำหน่ายแต่ผู้เดียว ในราคามนุษยธรรม คือ “ราคาถูก”

นั่นคือ สยามไบโอฯ เป็นของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในหลวงรัชกาล ที่ ๑๐ ทรงถือหุ้น ๑๐๐% ตามกฎหมายก็จริง  ก็ไม่มีสิทธิ์และไม่สามารถนำวัคซีนที่ผลิตออกจำหน่ายจ่ายแจกให้ใครอื่นได้ จะถือว่า เป็นบริษัทของไทย “ผลิตเอง-ซื้อเอง-ขายเอง” ได้ตามใจชอบ จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่ง “มันไม่ใช่” อย่างนั้น อย่างที่ธนาธรชี้นำให้คนหลงเข้าใจอย่างนั้น

ข้อเท็จจริง คือ สยามไบโอฯ เป็นเพียง “โรงงานรับจ้างผลิต”  ผู้จ้างผลิต คือ “บริษัท แอสตราเซเนกา จำกัด”  วัคซีนที่ผลิตนี้ เจ้าของ คือ “แอสตราเซเนกา”

นั่นคือ ใครจะซื้อ ต้องไปสั่งซื้อกับแอสตราเซเนกาโดยตรง และแอสตราเซเนกา จะเป็นผู้ส่งมอบวัคซีนให้ ตามล็อตที่สั่งซื้อ แม้กับไทยเราเอง…..ตกลงซื้อกับแอสตราเซเนกาไว้จำนวนเท่าไหร่ ก็ต้องรอรับจากที่แอสตราเซเนกาจะส่งมอบให้เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปสั่ง-ไปซื้อกับสยามไบโอฯ ได้โดยตรงเลย!

ดังนั้น ปัจจุบันนี้ “วัคซีนพระราชทาน” จึงไม่มี ไม่จริงตามธนาธรพูด  มีแต่วัคซีนรัฐบาลใช้เงินงบประมาณสั่งจองซื้อกับแอสตราเซเนกาในราคามนุษยธรรม ด้วยข้อเท็จจริงนี้ การที่นายธนาธร ใช้คำว่า “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้ ใครเสีย”? โดยใช้ลีลาพูด โยงเรื่อง-เชื่อมคำ หวังให้คนเข้าใจผิด ว่า เงินภาษีซื้อแท้ๆ แต่คนได้ชื่อ-ได้หน้าเป็นว่า “วัคซีนพระราชทาน”

แบบนี้ “เจตนา-จงใจ” ต่อสถาบันชัดๆ บวกกับพฤติกรรมดังที่รู้-ที่เห็นผ่านขบวนการล้มเจ้า มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแล้ว ประเด็นเข้าข่ายความผิดตามมาตรา ๑๑๒ หรือไม่ ไม่ต้องตีความอะไรเลย!  แก๊งนี้เขาชอบพลิ้วคำหวังเลี่ยงกฎหมาย แต่พุ่งตรงเป้าหมาย อย่างทอน “วัคซีนพระราชทาน”

(อ่านบทความฉบับเต็ม https://www.thaipost.net/main/detail/91594)