นักเขียนซีไรต์ ซัดพรรคก้าวไกล รับใช้ธนาธร ระวัง เผด็จการ ในคราบประชาธิปไตย แค่ 2 ส.ส.เห็นต่างแก้ 112 ยังจะถูกขับพ้นพรรค!?!
จากกรณีที่ม็อบคณะราษฎรออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยอ้างว่า เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทาง การเมืองเล่นงานฝ่ายรักประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มคณะราษฎร ก็ออกมาเคลื่อนไหว โจมตี จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด โดยใช้ข้อมูลที่บิดเบือนนำมาปลุกระดมเหล่าสาวกให้ออกมาโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านสื่อโซเชียลมิเดียกันอย่างโจ่งแจ้ง
ในขณะที่ทางด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ได้ออกมาสนับสนุนให้ยกเลิก กฎหมายมาตรา 112 เช่นกัน โดยบอกว่า สถาบันเป็นปัญหาของประเทศ ทั้งยังมีการบิดเบือนพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ รัชกาลที่ 9 โดยไปพูดที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และต่อมาก็ได้มีการเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันอย่างต่อเนื่อง
และยังมีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อว่า ส.ส.ต้องเป็น “ผู้แทน” ของราษฎร มิใช่ “พนักงานของรัฐ” พร้อมแฮชแท็ก “ยกเลิก112” นั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 29 แห่ง พรป. พรรคการเมือง 2560 ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม”
ซึ่งทางด้านพรรคก้าวไกล ก็ได้มีการยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด รวมถึง ม.112, ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, และร่างแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 เพื่อคุ้มครองและประกันเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนตามหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
ต่อมาก็มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจตอนหนึ่งว่า ขออนุญาตไม่ลงชื่อแก้ไข ม.112 ตามมติพรรค หรือพูดง่ายๆ สวนมติพรรค ซึ่งตนยอมรับผลการลงโทษและการคาดโทษจากทางพรรคที่จะตามมาและพร้อมน้อมรับคำวิจารณ์จากประชาชนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ทุกท่าน ตนไม่สามารถลงชื่อญัตตินี้ ซึ่งเป็นมติพรรคได้ เพราะขัดกับหลักการส่วนตัว
ในขณะเดียวกันทางด้าน นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 ถึงจุดยืนส.ส.พรรคก้าวไกลต่อการแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 หลังมีชื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยนายคารม ประกาศไม่ร่วมลงชื่อร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เช่นกัน โดยให้เหตุผลว่า ผมไม่เซ็นครับๆ บอกผ่านสื่อได้เลยว่า ผมไม่เซ็นครับ ไม่ทราบคนอื่นจะเซ็นหรือไม่ แต่ผมไม่เซ็น และบังคับผมไม่ได้ ผมเคยงดออกเสียงในเรื่องกฏหมายโอนกำลังพลฯ แต่เมื่อพรรคมีมติผมก็มีมารยาท ผมรู้กติกา ผมรู้ระดับความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ถ้าผมมาสาบานตน แล้วผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้ไข ม.112 แม้ว่าแนวความคิดทางกฏหมาย ผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่า มุมมองเป็นแบบไหน แต่สรุปคือผมไม่เซ็น
ต่อมา นายคารม ก็ได้ออกมาเปิดเผยความจริง เพื่อให้ทุกคนได้ทราบว่าเหตุผลจริงๆที่ตนเองนั้น ประกาศจุดยืนออกไปอย่างชัดเจนก็เนื่องจากว่า ตนเองนั้นไม่เห็นด้วยในเขิงหลักการ และก็มีประชาชนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับตนเอง พร้อมทั้งยังได้เปิดเผยถึง การที่ทัวร์ลงด่าตนเนรคุณนั้น แท้จริงแล้วนโยบายของพรรค ไม่เคยมีเรื่องนี้ ตอนที่ นายคารม จะเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยเปิดเผยว่า ปัญหามีว่าเป็นนโยบายพรรคไหม ก็ต้องเรียนตรงๆว่า หลายคนที่ทัวร์ลงหาว่าผมเนรคุณอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆ เราเข้าใจอยู่แล้วว่าเราเป็น ส.ส. มาจากพรรคอนาคตใหม่ อันนี้ไม่มีปัญหา เราไม่ได้ลืมนะ แต่ตอนอนาคตใหม่ก็ไม่มีประเด็นที่จะแก้ 112 ไม่มีการชูเรื่องนี้ พอมาเป็นก้าวไกลเสนอประเด็นนี้มา โดยหลักการแก้กฎหมายก็เป็นหน้าที่ ส.ส.นั่นแหละ แต่การจะแก้กฎหมายต้องตกผลึกที่สุดในแง่ความคิด และยังพูดถึงกระแสรุนแรงการที่พรรคก้าวไกล จะขับไล่ออกจากพรรคว่า การขัดมติพรรค ไม่ทำตามเหมือนไม่มีมารยาท แต่บางอย่างเราก็มีหลักของเราเหมือนกัน จุดยืนบางอย่างกับมติพรรคไม่สอดคล้องกัน สมมติลงชื่อไปมีปัญหา กฎหมายรัฐธรรมนูญก็คุ้มครอง จะลงมติขับหรือไม่ ตนก็น้อมรับอยู่แล้ว
ล่าสุดทางด้าน นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า “ประชาธิปไตยที่ห้ามใครเห็นต่าง”