จากที่ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ เดอะบัททอมบลูส์” นักร้องที่ร่วมกับกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดนหมายจับ “การที่ตำรวจเอาหมาย มาแปะหน้าบ้านพ่อแม่ผม ถือเป็นการกดดันที่ไร้ซึ่งจริยธรรม
ต่อมา แอมมี่ ได้โพสต์ภาพ ใส่ชุดสูท สวมแว่นตา สะพายกล้อง มือถือสมุดอยู่ข้างรถกระบะ พร้อมกับทราย เจริญปุระข้างๆ ทำให้เกิดคำวิพากษ์วิจาร์ณมากมายว่านายแอมมี่นั้นจงใจถ่ายภาพเลียนแบบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ขณะที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่ชนบทหรือไม่
ทั้งนี้ นางสาวอินทิรา เจริญปุระ หรือทราย เองก็ได้แชร์ภาพดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก และทวิตภาพเดียวกันนั้นลงในทวิตเตอร์พร้อมระบุข้อความว่า “ชมเหมือง”
ขณะที่ ดร.เวทิน ชาติกุล ผู้อำนวยารสถาบันทิศทางไทย ได้ออกมาพูดถึงทรายว่า 10 ปี อะไรทำให้ดาราชื่อดัง มีความคิดอ่าน มีสติปัญญา เปลี่ยนแปลงไปมากมายถึงขนาดนี้? โดยมีเนื้อหาบางช่วงระบุว่า
ปี 2554 ทราย เจริญปุระ เคยพูดประโยคข้างต้น ตอนนั้น ทราย เจริญปุระ ตกเป็นข่าวหลังปรากฏชื่อร่วมกับนายปราบดา หยุ่น และนักเขียนกลุ่มหนึ่ง ร่อนจ.ม.แก้ มาตรา122 ซึ่งต่อมา เธอได้ปฏิเสธ ขอถอนชื่อ และ ให้สัมภาษณ์ ผู้จัดการ ASTV อย่างละเอียด นี่คือบางส่วนของคำสัมภาษณ์ของทรายในปี 2554
คุณเห็นด้วยกับการที่จะแก้ไขมาตราดังกล่าวใช่ไหม? “เฉย ๆ ค่ะ อย่างที่บอกว่าถ้าเราไม่มั่นใจเราก็ไม่เขียน สมมติว่าแก้เราก็ไม่ได้เขียนเรื่องได้เก่งกว่านี้ หรือถ้าไม่แก้เราก็เขียนเรื่องได้เท่านี้ นี่คือสิ่งที่มีผลต่อตัวเรานะ แต่เราไม่สามารถพูดแทนคนอื่นได้ไง เพราะเราไม่รู้ขอบเขตงานของเขา เขาอาจจะมีอะไรในใจที่เขาอยากเขียน แต่เขาเขียนไม่ได้อันนี้เราก็ไม่รู้ แต่ของเรา เราเขียนถึงหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วถ้าหนังสือเล่มนี้คนบอกว่าอย่าไปเขียนถึง เราก็เออ ไม่เขียนถึงก็ได้ ก็ไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจอะไร”
ล่าสุดวันนี้ 30 มกราคม 2564 นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ได้โพสต์ข้อความลงในผ่านเฟซบุ๊กโดยมีภาพของ ทราย ประกอบว่า
ขอดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้โปรดทรงรับรู้ด้วยเถิด…พระพุทธเจ้าข้า
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
อย่างไรก็ตาม “ทราย อินทิรา เจริญปุระ” เคยได้รับบทที่ยิ่งใหญ่ในหนัง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร” ซึ่งฉายภาคแรกวันที่ 18 มกราคม 2550 และก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเปิดเป็นปฐมฤกษ์ ทราย ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 3 มกราคม ปีเดียวกันนี้ถึงบทเลอขิ่น ที่ได้ทุ่มเทใจเต็มร้อยกับบทบาทนี้ ซึ่งเป็นธิดาเจ้าเมืองคัง ภายใต้การกำกับของ ท่านมุ้ย-ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล
สำหรับบทสัมภาษณ์บางส่วนระบุว่า ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะเสี่ยงอันตรายและถ่ายทำด้วยความยากลำบากเป็นปีๆ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ที่สำคัญอยากให้คนไทยทุกคนได้ดูว่ากว่าที่จะมาเป็นประเทศไทย มีผืนแผ่นดินไทยให้พวกเรายืนอยู่ทุกวันนี้ ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อของบรรพบุรุษนับหมื่นนับแสนคน ขอให้คนไทยมีความรักสามัคคี และหวงแหนประเทศชาติของยิ่งกว่าชีวิตของเรา