นักโทษ112 ฉุนจัด ส่งจดหมายเปิดผนึก แฉยับ “คารม” พร้อมกดดัน ให้พรรคก้าวไกล ขับไล่เดี๋ยวนี้

2608

นักโทษ112 ฉุนจัด!! ส่งจดหมายเปิดผนึก แฉยับ “คารม” พร้อมกดดัน ให้พรรคก้าวไกล ขับไล่เดี๋ยวนี้!?!

จากกรณีที่ทางด้านของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่เรียกว่าขัดแย้งกับเป้าหมายของพรรคก้าวไกล อย่างชัดเจน นั่นคือการประกาศ ไม่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ตามมติพรรค โดยให้เหตุผลว่าเป็นการขัดต่อหลักการส่วนตัว

หลังจากนั้นได้มี กลุ่มแนวร่วมผู้ชุมนุม ก็ได้เคลื่อนไหวออกมาขับเคลื่อนกดดัน “พรรคก้าวไกล” เพื่อต้องการให้ขับไล่ คารม ออกจากพรรค หากไม่ทำการขับไล่จะไม่ให้การสนับสนุน เช่นทางด้านของ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดราษฎร “กลุ่ม WEVO” โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก โตโต้ ปิยรัฐ – Piyarat Chongthep ว่า

“หากพรรคเลือก คนอย่างนายคารมให้อยู่ต่อ ผมขอยุติการสนับสนุน #พรรคก้าวไกล

ในฐานะสมาชิกตลอดชีพพรรคก้าวไกล ผมจะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค หากพรรคยังปล่อยให้มีคนอย่างคารม ที่เห็นด้วยกับ ม.112 ใน #พรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ นายปิยรัฐ ยังโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยว่า “หัวหน้าพรรคที่ชื่อธนาธรพามึงได้เป็น สส มึงยังเนรคุณได้ มึงรู้หรือป่าวว่าเขาพึ่งถูกแจ้งข้อหา ม.112”

นอกจากนี้ยังมีทางด้านของ เพนกวิน หรือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร ก็ได้โพสต์ข้อความกดดัน ด้วยเช่นกัน ว่า “ในฐานะผู้แทนประชาชน ทนายคารม พลพรกลางควรจะเลิกอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไม่เลิกสนับสนุน 112 ก็ควรเลิกเป็นผู้แทน”

ถือว่าหลังจากที่ทางด้านของ นายคารม ได้เคลื่อนไหวในเรื่องของจุดยืน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถึงกับร้อนๆหนาวๆ กันเป็นแถวๆ ถึงกับต้องออกมาดิ้นกันเป็ยแถบๆ

ทั้งนี้ล่าสุดในวันที่ 29 ม.ค.64 ทางด้านของ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถนายน และเครือข่ายม็อบ 3 นิ้ว อดีตนักโทษคดี 112 ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยการส่งจดหมายเปิดผนึก เรื่อง “หางโผล่จนได้” โดยได้ตั้งใจส่งให้กับทางด้านของ คณะกรรมการบริหาร และ ส.ส.พรรคก้าวไกลทุกคน โดยในจดหมายได้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ทนายความคารม พลพรกลาง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประกาศว่า จะไม่ร่วมลงชื่อในการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาให้ยกเลิกมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยพูดว่า” แล้วมาบังคับผมไม่ได้ด้วย ผมเคยงดออกเสียงในเรื่องกฎหมายโอนอัตรากำลังพล แต่เมื่อพรรคมีมติผมก็มีมารยาท ผมรู้กติกา ผมรู้ระดับของความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ผมมาสาบานตน ผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้มาตรา 112 ความคิดในทางกฎหมายผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่ามุมมองอะไรอย่างไร แต่สรุปว่าผมไม่เซ็น”

คารม พลพรกลาง เคยมาเป็นทนายความให้ผม ในคดีมาตรา 112 ในปี 2554 แต่พอผ่านไปทางครอบครัวผมก็ขอให้เปลี่ยนทนายความคนใหม่เสีย เพราะว่า ไม่ได้ใส่ใจในการเตรียมต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ โดยระบุว่า เป็นเพียงการอาสามาทำคดีคนดังให้ปรากฏต่อสาธารณะ สำหรับผมมิได้แปลกใจมากนัก เพราะการทำคดีมาตรา 112 มันไม่ยุติธรรมในตัวบทกฎหมายอยู่แล้ว ในห้วงเวลานั้น สำหรับทนายความย่อมรู้ดีถึงความเลวร้ายในมาตรา 112 เป็นอย่างดี ผมจึงไม่ได้ใส่ใจต่อกรณีของทนายความคารม พลพรกลางในบทบาททนายความที่ได้ช่วยทำคดีให้ผม อย่างน้อยผมเห็นว่าถ้าตั้งใจสู้เพื่อความยุติธรรมจริงจะโด่งดังไปด้วยก็ไม่เป็นไร

ผมรับทราบว่า คุณคารม พยายามจะขอลงสมัครรับเลือกตั้งในพรรคเพื่อไทย แต่ถูกปฏิเสธจึงผิดหวังกับพรรคเพื่อไทยแล้วจึงกระโดดมาลงสมัครสส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งผมก็สนับสนุนเต็มที่ เพราะ พรรคอนาคตใหม่ มีนโยบายดีและบุคลากรที่กล้าหาญมากกว่าพรรคการเมืองอื่นโดยเฉพาะในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112

จนกระทั่งได้มาฟังความเห็นในครั้งนี้ นั่นแหละ “ใช่เลย“ ตามความเห็นของคนหลายคนที่ตั้งคำถาม เป็นที่ชวนสงสัยว่า แท้จริงแล้วนายคารม รวมไปถึง ส.ส. ที่ได้เข้ามาเป็นผู้แทนในสภานั้น แต่กลับไปสนับสนุนให้กฎหมายที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาชน และประชาธิปไตยสามารถดำรงอยู่ได้ ยังเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ หรือกลายเป็นผู้แทนราชสำนักไปแล้วกันแน่ ?(กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย)

การประกาศตนเองไม่ยอมรับมติพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำอีกกว่า อยู่กันแบบคนละอุดมการณ์ ด้วยเหตุนี้จึงขอให้กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลและสส.ทุกท่านสอบสวนพฤติกรรม ของนายคารม พลพรกลาง ที่ไม่ยอมรับมติพรรค เพื่อกำจัดให้พ้นไปจากพรรคก้าวไกลในที่สุด ทั้งนี้ขอได้โปรดดำเนินการโดยทันที และ แจ้งผลการสอบสวนในทุกขั้นตอนให้ทราบด้วย

ขอให้พรรคก้าวไกลดำรงไว้ซึ่งจุดยืนและอุดมการของพรรคในการต่อสู้เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ให้เป็นผลสำเร็จ