ย้อนวันวาน ไม่หวานแล้ว!? “พรรคก้าวไกล” เตรียมพังทลาย ซ้ำรอย “พรรคอนาคตใหม่” ตอกย้ำ ประชาธิปไตย “ห้ามเห็นต่าง” โดนตราหน้าทรยศ!?!
ถือว่ากำลังเป็นหนึ่งในประเด็นที่ประชาชนกำลังพูดถึงกันเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ต่างมองว่าในขณะนี้ “พรรคก้าวไกล” กำลังแบ่งฝั่งออกเป็น 2 ฝ่ายหรือไม่ หรือ “พรรคก้าวไกล” ใกล้ที่จะแตกยับแล้ว เนื่องด้วยพรรคก้าวไกลนั้น ค่อนข้างมีความชัดเจนว่า ต้องการแก้กฎหมายโดยพุ่งเป้าหลักไปที่ ม.112 ซึ่งจุดยืนของ พรรคก้าวไกล มีหน้าที่แค่เป็นหุ่นกระบอกให้ “คณะก้าวหน้า” เชิดในโรงละครคณะเล็กที่ต้องเดินตาม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า , นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า
และอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า “คณะก้าวหน้า” มีความชัดเจนในเรื่องของแนวทางการ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเป็นเหมือนกับเบื้องหลังคอยผลักดันให้ “ม็อบคณะราษฎร” บุกเป็นฝ่ายหน้าในการโจมตีอย่างเปิดเผย ส่วนตัวเองนั้นปลอดภัย เพราะยั่วยุอยู่ข้างหลัง
ส่งผลให้ในขณะนี้ ทางด้านของ พรรคก้าวไกล เริ่มมีความชัดเจนว่า มี ส.ส. หลายคนไม่เห็นด้วยกับแนวทางและจุดยืนของพรรค เช่นทางด้านของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ได้เปิดเผยในรายการหมาแก่กับแมวสาว ช่อง 9 อสมท โดยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า
“จุดยืนของผมไม่ใช่ของ ปิยบุตร ก้าวไกล อนาคตใหม่ อ้าวถ้าไม่อยากรับพระราชทาน ก็อย่าลงนามสิยังจะแถ”
แถมยังได้พูดในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า “เครื่องราชอิสรยยศ นั้นสถาบันพระมหากษัตริย์พระราชทานให้ เป็นของจากพระมหากษัตริย์ เราก็รับ ก็เป็นเรื่องดีที่รับได้ ทำไมเราจะไม่รับ
ส่วนความเห็นของนายปิยบุตรไม่ใช่ความเห็นของตน และตนก็คิดไม่เหมือนนายปิยบุตร จุดยืนของพรรคก้าวไกลบางอย่างก็ไม่ใช่จุดยืนของตน ตนเป็นครอบครัวชาวนาในชนบทภาคอีสาน ตนเกิดในแผ่นดินนี้ ตนไม่ได้เรียนเมืองนอก เชื่อว่าที่ต่างประเทศก็มีการขอ และให้เครื่องราชฯ
การชุมนุมการเมืองม็อบคณะราษฎร เป็นสิทธิทางการเมือง แต่ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองด้วย
นอกจากนี้นายคารมยังยืนยันอีกว่า ตนจะไม่ลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขพิ่มเติมกฎหมายมาตรา 112″
ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณวันที่ 14 มี.ค.63 นายคารม ได้เคยเปิดใจออกมาตั้งข้อสังเกตของโครงสร้างพรรค ว่า “พรรคควรจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร โดยไม่ได้ไปแตะบุคคลใดเลย หากผมพูดตรงนี้ไม่ได้ มันจะเป็นพรรคการเมืองที่ประชาธิปไตยได้อย่างไร เราต้องพูดได้ เพราะเราเข้ามาในพรรคด้วยอุดมการณ์ การที่ผมพูดถึงภาคอีสานเพราะเป็นพื้นที่บ้านผม”
“ผมต้องการให้พรรคการเมืองใหม่ตอบโจทย์จริงๆ รองหัวหน้าพรรคที่กำหนดไว้ไม่มีภาคอีสานเลยนะครับ ผมพูดอย่างนี้แล้วไม่ต้องมาตั้งผมเป็นรองหัวหน้าพรรคนะ” ในครั้งนั้นที่ อาคม ออกมาพูดผ่านสื่อ ค่อนข้างชัดเจนถึงจุดยืนที่กำลังสั่นคลอนภายในพรรคก้าวไกล อย่างเห็นได้ชัดเจน
ซึ่งการแสดงจุดยืนของ ส.ส. ในรูปแบบนี้ของพรรคส้ม ไม่ใช่แค่ครั้งแรก เพราะหากว่าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 ในขณะที่ พรรคก้าวไกล ยังเป็น พรรคอนาคตใหม่ ได้เคยลงมติขับไล่ 4 ส.ส. คนดัง เนื่องจากว่ามีจุดยืนไม่ตรงตามใจพรรค ได้แก่ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 , นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 2 , พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7
ซึ่งเหตุผลที่ ส.ส. ทั้ง 4 คนถูกขับไล่ออกจากพรรคนั้น เนื่องจากว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดแฟลชม็อบ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 แม้จะอ้างว่า การจัดแฟลชม็อบ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อและก่อให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใดก็ตาม
ในขณะนี้หลายๆคนจึงได้จับตามองเป็นอย่างมาก ว่าจะมี ส.ส.พรรคก้าวไกล อีกกี่คน ที่จะเริ่มออกมาแสดงจุดยืน ของตัวเอง ที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคจาบจ้วง และเสียดสีสถาบันอยู่ตลอดเวลา รวมถึง พรรคก้าวไกล กำลังจะแตกหักกันภายในอีกหรือไม่ แต่กลิ่นเน่านี้เริ่มโชยออกมาแล้วในขณะนี้