พรรคก้าวไกล เตรียมซ้ำรอย “พรรคอนาคตใหม่” ตอกย้ำ ประชาธิปไตย “ห้ามเห็นต่าง”

2631

ย้อนวันวาน ไม่หวานแล้ว!? “พรรคก้าวไกล” เตรียมพังทลาย ซ้ำรอย “พรรคอนาคตใหม่” ตอกย้ำ ประชาธิปไตย “ห้ามเห็นต่าง” โดนตราหน้าทรยศ!?!

ถือว่ากำลังเป็นหนึ่งในประเด็นที่ประชาชนกำลังพูดถึงกันเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ต่างมองว่าในขณะนี้ “พรรคก้าวไกล” กำลังแบ่งฝั่งออกเป็น 2 ฝ่ายหรือไม่ หรือ “พรรคก้าวไกล” ใกล้ที่จะแตกยับแล้ว เนื่องด้วยพรรคก้าวไกลนั้น ค่อนข้างมีความชัดเจนว่า ต้องการแก้กฎหมายโดยพุ่งเป้าหลักไปที่ ม.112 ซึ่งจุดยืนของ พรรคก้าวไกล มีหน้าที่แค่เป็นหุ่นกระบอกให้ “คณะก้าวหน้า” เชิดในโรงละครคณะเล็กที่ต้องเดินตาม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า , นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า

และอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า “คณะก้าวหน้า” มีความชัดเจนในเรื่องของแนวทางการ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเป็นเหมือนกับเบื้องหลังคอยผลักดันให้ “ม็อบคณะราษฎร” บุกเป็นฝ่ายหน้าในการโจมตีอย่างเปิดเผย ส่วนตัวเองนั้นปลอดภัย เพราะยั่วยุอยู่ข้างหลัง

ส่งผลให้ในขณะนี้ ทางด้านของ พรรคก้าวไกล เริ่มมีความชัดเจนว่า มี ส.ส. หลายคนไม่เห็นด้วยกับแนวทางและจุดยืนของพรรค เช่นทางด้านของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ได้เปิดเผยในรายการหมาแก่กับแมวสาว​ ช่อง​ 9​ อสมท​ โดยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า

“จุดยืนของผมไม่ใช่ของ​ ปิยบุตร​ ก้าวไกล​ อนาคตใหม่ อ้าวถ้าไม่อยากรับพระราชทาน​ ก็อย่าลงนามสิยังจะแถ”

แถมยังได้พูดในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า “เครื่องราชอิสรยยศ นั้นสถาบันพระมหากษัตริย์พระราชทานให้ เป็นของจากพระมหากษัตริย์ เราก็รับ ก็เป็นเรื่องดีที่รับได้ ทำไมเราจะไม่รับ
ส่วนความเห็นของนายปิยบุตรไม่ใช่ความเห็นของตน และตนก็คิดไม่เหมือนนายปิยบุตร จุดยืนของพรรคก้าวไกลบางอย่างก็ไม่ใช่จุดยืนของตน ตนเป็นครอบครัวชาวนาในชนบทภาคอีสาน ตนเกิดในแผ่นดินนี้ ตนไม่ได้เรียนเมืองนอก เชื่อว่าที่ต่างประเทศก็มีการขอ และให้เครื่องราชฯ

การชุมนุมการเมืองม็อบคณะราษฎร เป็นสิทธิทางการเมือง แต่ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองด้วย
นอกจากนี้นายคารมยังยืนยันอีกว่า ตนจะไม่ลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขพิ่มเติมกฎหมายมาตรา 112″

ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณวันที่ 14 มี.ค.63 นายคารม ได้เคยเปิดใจออกมาตั้งข้อสังเกตของโครงสร้างพรรค ว่า “พรรคควรจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร โดยไม่ได้ไปแตะบุคคลใดเลย หากผมพูดตรงนี้ไม่ได้ มันจะเป็นพรรคการเมืองที่ประชาธิปไตยได้อย่างไร เราต้องพูดได้ เพราะเราเข้ามาในพรรคด้วยอุดมการณ์ การที่ผมพูดถึงภาคอีสานเพราะเป็นพื้นที่บ้านผม”

“ผมต้องการให้พรรคการเมืองใหม่ตอบโจทย์จริงๆ รองหัวหน้าพรรคที่กำหนดไว้ไม่มีภาคอีสานเลยนะครับ ผมพูดอย่างนี้แล้วไม่ต้องมาตั้งผมเป็นรองหัวหน้าพรรคนะ” ในครั้งนั้นที่ อาคม ออกมาพูดผ่านสื่อ ค่อนข้างชัดเจนถึงจุดยืนที่กำลังสั่นคลอนภายในพรรคก้าวไกล อย่างเห็นได้ชัดเจน

ซึ่งการแสดงจุดยืนของ ส.ส. ในรูปแบบนี้ของพรรคส้ม ไม่ใช่แค่ครั้งแรก เพราะหากว่าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 ในขณะที่ พรรคก้าวไกล ยังเป็น พรรคอนาคตใหม่ ได้เคยลงมติขับไล่ 4 ส.ส. คนดัง เนื่องจากว่ามีจุดยืนไม่ตรงตามใจพรรค ได้แก่ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 , นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 2 , พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7

ซึ่งเหตุผลที่ ส.ส. ทั้ง 4 คนถูกขับไล่ออกจากพรรคนั้น เนื่องจากว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดแฟลชม็อบ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 แม้จะอ้างว่า การจัดแฟลชม็อบ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อและก่อให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใดก็ตาม

ในขณะนี้หลายๆคนจึงได้จับตามองเป็นอย่างมาก ว่าจะมี ส.ส.พรรคก้าวไกล อีกกี่คน ที่จะเริ่มออกมาแสดงจุดยืน ของตัวเอง ที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคจาบจ้วง และเสียดสีสถาบันอยู่ตลอดเวลา รวมถึง พรรคก้าวไกล กำลังจะแตกหักกันภายในอีกหรือไม่ แต่กลิ่นเน่านี้เริ่มโชยออกมาแล้วในขณะนี้