สหรัฐผวาก่อการร้ายในประเทศ?!? ร่อนสารเตือนอันตรายถึงเม.ย. ขณะกลุ่มขวาจัดขยับในมิชิแกน-พอร์ตแลนด์-ซีแอตเติล

1998

ท่ามกลางโควิด-19 กลายพันธ์ุระบาดหนักในสหรัฐ แม้ฉีดวัคซีนแล้ว การป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตยังพุ่งไม่หยด เรื่องที่เพิ่มความเครียดให้กับสังคมอเมริกันขั้นสุดอีกคือคือ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐได้ร่อนสารเตือนภัย การคุกคามจากก่อการร้ายภายในประเทศ จะเพิ่มขึ้นในยุคปธน.ไบเดน ขอให้หน่วยราชการและประชาชนเตรียมรับสถานการณ์ไม่ปกติไปจนถึงเดือนเมย. ขณะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มหัวรุนแรง antifa ในเมืองมิชิแกน ซีแอตเติลและพอร์ตแลนด์

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 นายพีท เกย์นอร์ (Pete Gaynor) รักษาการรัฐมนตรี กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิหรือ DHS: Department of Homeland Security ได้ออกแถลงการณ์เตือนภัยขั้นสูงเรียกว่า ประกาศ National Terrorism Advisory System (NTAS) ระบุว่า สหรัฐกำลังเผชิญภัยคุกคามที่รุนแรงมากขึ้นจากการก่อการร้ายภายในประเทศ ผลพวงจากผู้ที่มีความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งปธน.โจ ไบเดนในเดือนพ.ย.ปีก่อน ทั้งนี้มีกำหนดระยะเวลาให้จับตา สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจไปถึงเดือนเมษายนปีนี้

DHS ระบุในคำประกาศว่า กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง หรือ DVEs:Domestic Violent Extremists  ได้รับ “แรงจูงใจจากประเด็นต่างๆหลายประการ  เช่นความไม่พอใจต่อมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, ไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุมประท้วง” พร้อมเสริมว่า “มีความกังวลว่า แรงขับเคลื่อนเดียวกันนี้ที่จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงนั้น จะคงอยู่ไปตลอดช่วงต้นปี 2564”

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 เพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ถูกจับกุมในวันเกิดเหตุ 52  รายและอีกกว่า 150 รายในอีก 1สัปดาห์ถัดมา

อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงฯไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการก่อการร้ายใดๆ แต่ระบุว่าสหรัฐยังคงเผชิญภัยคุกคามดังกล่าวต่อไปอีกหลายสัปดาห์ ทั้งนี้เป็นเรื่องไม่ปกติที่รัฐบาลกลางของสหรัฐจะออกแถลงการณ์เตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น โดยมีการเชื่อมโยงกับเหตุการณ์บางเหตุการณ์หรือบางวันที่เกิดขึ้นก่อนหน้าโดยเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม Antifa ในเมืองพอร์ตแลนด์และซีแอตเติล มีการชุมนุมย่อยกว่า 100 คน ใช้ชื่อ การประท้วง J20 protest และทุบทำลายร้านค้าในย่านธุรกิจในวันที่ 20 ม.ค.วันสาบานตนของปธน.ไบเดน

ในเอกสารNTASมีรายละเอียดปรากฏใน เว็บไซต์ของกระทรวงฯบอกสถานการณ์ปัจจุบันของสหรัฐได้ชัดเจนดังนี้คือ

-ตลอดปี 2020 กลุ่มผู้ที่มีแนวความคิดหัวรุนแรง (DVEs) ได้กำหนดเป้าหมายไปยังบุคคลที่พวกเขาต่อต้าน และได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมประท้วงที่ได้รับการปกป้อง DVE ได้รับแรงบันดาลใจจากประเด็นต่างๆทั้งความโกรธต่อข้อจำกัดของ การแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ระบาด ผลการเลือกตั้งในปี 2020 และการใช้กำลังของตำรวจต่อผู้ชุมนุมประท้วงในหลายๆแห่งซึ่งได้มีการวางแผนไว้ บางครั้งก็มีการโจมตีสถานที่ราชการด้วย

-ความตึงเครียดทางเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่มีมายาวนานในสังคมอเมริกัน รวมถึงการต่อต้านการอพยพได้ผลักดันให้เกิดการโจมตี DVE ซึ่งรวมถึงเหตุกราดยิงในปี 2019 ที่เมือง El Paso รัฐเท็กซัส ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 23 คน

-DHS กังวลว่าตัวขับเคลื่อนเดียวกันเหล่านี้จะก่อให้เกิดความรุนแรงจะยังคงอยู่จนถึงต้นปี 2564 และ DVE บางส่วนอาจเกิดความฮีกเหิม จากเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม 2564 การฝ่าฝืนบุกรุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯในวอชิงตันดีซีเพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง และสถานที่ราชการ

-DHS ยังคงกังวลว่า Homegrown Violent Extremists (HVEs) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ ซึ่งก่อเหตุโจมตีถึง 3 ครั้งที่มีเป้าหมายไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในปี 2020 ยังคงเป็นภัยคุกคาม

-ภัยคุกคามจากความรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญรวมถึงภาคไฟฟ้าโทรคมนาคมและการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นในปี 2020 เนื่องจากกลุ่มหัวรุนแรงที่อ้างข้อมูลเท็จและทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับ COVID-19 สำหรับรองรับความชอบธรรรมในการกระทำของพวกเขา  

-DHS ตลอดจนหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ และพันธมิตรด้านการบังคับใช้กฎหมายจะยังคงใช้ความระมัดระวังเพื่อปกป้องผู้คนและโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐอเมริกา

-DHS ยังคงมุ่งมั่นที่จะป้องกันความรุนแรงและภัยคุกคามที่มีวัตถุประสงค์เพื่อข่มขู่หรือบีบบังคับประชาขน โดยเฉพาะบนพื้นฐานของศาสนา-เชื้อชาติ-ชาติพันธุ์อัตลักษณ์-หรือมุมมองทางการเมือง

-DHS สนับสนุนให้พันธมิตรด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของรัฐท้องถิ่นของดินแดนชนเผ่าดำเนินการจัดลำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ราชการเพื่อปกป้องผู้คนและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ