“ทูตนริศโรจน์” แฉขบวนการดิสเครดิต “บอร์ดภาพยนตร์ไทย” ล้าหลังเพื่อนบ้าน ถอดหน้ากากพวกเหยียดชาติตัวเอง ไล่โจมตีทุกหน่วยงาน

1933

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงขบวนการเบื้องหลังที่คอยดิสเครดิตประเทศตัวเอง โดยระบุว่า

“วันนี้ขอแฉเบื้องหลังขบวนการที่ชอบดิสเครดิตเหยียดชาติตัวเอง แล้วอวยประเทศอื่นว่าดีกว่าบ้านเกิดตัวเองสักหน่อย สืบเนื่องจากที่มีเพจนึงเขียนโจมตี Film Board ว่าล้าหลัง สู้มาเลเซีย เวียดนามไม่ได้นั้น คือ ทางเรารู้ดีว่าพวกนี้เป็นขบวนการดิสเครดิตประเทศไทยที่ทำกันทุกวิถีทาง”


เรื่องการถ่ายหนังต่างชาติในไทยเป็น 1 ในเป้าหมายที่เขาโจมตี แต่เผอิญพวกเขาชะล่าใจไม่คิดว่าจะเจอ “ตอ” ที่พร้อมตอบโต้ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ อย่างไรก็ตาม ตอนที่พวกเขาเขียนโจมตีลงในเพจเกี่ยวกับหนังเพจนึง ก็มีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เข้ามาเม้นท์ด่า Film Board แบบเสีย ๆ หาย ๆ เช่น เปลืองภาษีกู ไม่ทำห่าอะไร ปล่อยให้มาเลย์ เวียดนามแซงไปได้ แย่งเค้กไปหมด !!!!!

นี่คือสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จในการล้างสมองเด็กรุ่นใหม่ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องตรงกันข้ามชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลัง teen กันเลยทีเดียว ขบวนการดิสเครดิตนี้จะจ้องทำลายหน่วยงานต่างๆทีละภาคส่วน ซึ่งแน่นอนรวมทั้งการดิสเครดิต สยามไบโอไซเอนซ์ตอนนี้ด้วย

ไทยเรานั้นมีชื่อเสียงในการเป็นโลเคชั่นถ่ายหนังต่างชาติย้อนไปได้ถึง 50-60 ปี ได้แล้วกระมัง ตั้งแต่สมัยที่มีการถ่ายทำหนังเรื่อง Ugly American ที่มีดาราที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง มาร์ลอน แบรนโด เล่นคู่กับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มาแล้ว

ตอนนั้นการถ่ายทำหนังต่างชาติยังไม่มีหน่วยงานใดคุมเพราะเป็นเรื่องใหม่ ก็ว่ากันไปตามมีตามเกิด จนมาเข้าที่เข้าทางเมื่อสัก 30 ปีที่ผ่านมานี้เอง Film Board จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น โดยตอนแรก Film Board อยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาก็โอนไปที่ กรมประชาสัมพันธ์ จากนั้นก็ไปกระทรวงวัฒนธรรม และล่าสุดมาอยู่ที่กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ผมเองมีส่วนผูกพันกับ Film Board โดยย้อนเวลากลับไปเกือบ 30 ปี ที่ผมได้รับมอบหมายจากกระทรวงต่างประเทศให้เป็นผู้แทนร่วมในคณะกรรมการ Film Board ผมถูกกต.ส่งให้ไปดูงานด้าน Soft Power ที่ญี่ปุ่นและเกาหลี เพื่อนำกลับมาพัฒนา Soft Power ให้ทันสมัย

ผมร่วมเป็น 1 ในคณะกรรมการ Film Board ที่ร่วมกันแก้ไขระเบียบที่ล้าสมัย ปรับเปลี่ยนรูปแบบเอกสาร ลดความซ้ำซ้อน ใช้ระบบออนไลน์เข้ามาเสริมช่วยในการขออนุญาต ทำให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก และที่สำคัญคือ คิดหาวิธีสนับสนุนด้วยการให้ incentive แก่คณะกองถ่ายต่างประเทศ เพื่อหาทางสร้างรายได้เข้าประเทศจนประสบความสำเร็จอย่างมากในตอนนี้

ตรงนี้จึงตอบข้อสงสัยของเพื่อนบางคนว่าทำไมเมื่อผมเกษียณแล้ว ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้ขอเชิญตัวมานั่งเป็นประธานของคณะกรรมการ Film Board (คณะที่ 2) เพราะผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่ยุคต้น ๆ

ดังนั้น ผมจึงต้องขอถือโอกาสนี้ชี้แจงเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่ติดอันดับยอดนิยมแห่งหนึ่งของโลกมา ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะผมทนเห็นการกล่าวหาจากฝรั่งและคนไทยบางคนในขบวนการดิสเครดิตบ้านเกิดตัวเองแบบไร้จินตนาการและไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงไม่ได้ครับ

ที่มาเฟซบุ๊ก : Fuangrabil Narisroj