ดับไฟขัดแย้ง!? อินเดีย-จีนบรรลุข้อตกลงลดตึงเครียดชายแดน 5 ข้อ!! ถอนทหารทั้งสองฝ่าย พัฒนาสัมพันธ์สู่ภาวะปกติ

2262

หลังสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนอินเดีย-จีนในแถบเทือกเขาหิมาลัย ต่างฝ่ายต่างเสริมกำลังทหารยังพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกันช่วงเดือนพฤษภาคม ส่งผลทหารอินเดียเสียชีวิต 20 ราย นับเป็นเวลาเกือบ 4 เดือนที่รัฐบาลและประชาชนทั้งสองประเทศตึงเครียดต่อกัน เมื่อเครมลินออกหน้าขอเป็นคนกลางให้เกิดการเจรจา ทั้งจีนและอินเดียตอบตกลง การประชุมนอกรอบที่มอสโกครั้งนี้จึงเกิดขึ้นและประสบความสำเร็จอย่างดี เป็นการถอนไฟแห่งความขัดแย้งในภูมิภาคสำคัญของโลกไปได้อีกจุดหนึ่ง

นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย กับ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน หารือนอกรอบระหว่างการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ในกรุงมอสโกของรัสเซีย โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน 5 ข้อ เพื่อบรรเทาความตึงเครียดระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ บริเวณพรมแดนจีน-อินเดีย

แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมกันระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน รวมถึงเรื่องการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง ทั้งสองฝ่ายตกลงจะทำตามนโยบายที่ผู้นำของประเทศทั้งสองตกลงไว้เรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองให้ใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงการไม่ปล่อยให้ความเห็นต่างกันในเรื่องต่างๆกลายมาเป็นต้นเหตุของการปัญหาขัดแย้ง  โดยตกลงกันว่ากองกำลังชายแดนของทั้งสองฝ่ายควรดำเนินการเจรจาต่อไป และ ควรเคลื่อนย้ายกองกำลังออกจากพื้นที่ขัดแย้งโดยเร็ว นอกจากนี้ยังควรรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างเหมาะสม 

ในที่ประชุม นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้กล่าวกับ นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ  รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียว่า  ในฐานะที่จีนและอินเดียเป็นชาติเพื่อนบ้านที่ใหญ่ทั้งคู่  การมีความขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา  สมควรที่จะต้องวางความขัดแย้งสองฝ่ายไว้ในที่ที่เหมาะสม  ปมปัญหาก็คือต้องยืนหยัดในฉันทามติยุทธศาสตร์ของผู้นำสองฝ่ายที่ว่า จีน-อินเดียมิใช่คู่แก่งแย่งกัน หากเป็นหุ้นส่วนที่ร่วมมือกัน  ต่างก็ไม่ก่อให้เกิดการคุกคามอีกฝ่ายหนึ่ง และถือโอกาสที่พัฒนาไปร่วมกัน

ในฐานะชาติใหญ่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว  ตอนนี้เราจึงต้องการความร่วมมือแต่มิใช่ความเป็นปฏิปักษ์  ต้องการความเชื่อถือซึ่งกันและกันแต่มิใช่ตั้งข้อสงสัยแก่กัน  ยิ่งเป็นยามยากลำบากก็ยิ่งต้องจัดการสถานการณ์ใหญ่ให้มั่นคง  ปกป้องความเชื่อซึ่งกันและกันให้ดี  ขอแต่ทั้งสองฝ่ายยึดกุมทิศทางความสัมพันธ์ที่ถูกต้องจีน-อินเดีย ก็จะไม่มีคันกั้นที่ก้าวข้ามไม่ได้  และก็ไม่มีความยากลำบากใดที่จะเอาชนะไม่ได้

นายหวัง อี้ เน้นว่า “สิ่งที่รีบด่วนสุดในตอนนี้ก็คือต้องยุติการลั่นปืนก่อการท้าทายซึ่งเป็นพฤติกรรมอันตรายที่ขัดต่อคำมั่นสัญญา  ต้องถอนกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องติดตั้งทั้งหมดกลับสู่ที่เดิมโดยทันที  ออกห่างจากการติดต่อสัมผัส  ผลักดันให้ลดอุณหภูมิของสถานการณ์  หวัง ยี่ย้ำว่า ฝ่ายจีนสนับสนุนให้กองทหารสองฝ่ายเสริมการพบหารือกัน เพื่อแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม  ทั้งก็ยินดีที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับฝ่ายอินเดียโดยผ่านช่องทางการทูตและทางทหาร  ร่วมกันลงแรงเพื่อฟื้นฟูสันติภาพและความสงบในเขตท้องที่ชายแดน

นายสุพรหมณยัมฯตอบว่า  “ฝ่ายอินเดียไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นสถานการณ์ชายแดนอินเดีย-จีนไต่ระดับความตึงเครียด  และย้ำว่า นโยบายของอินเดียต่อจีนไม่มีการเปลี่ยนแปลง  และเชื่อว่าฝ่ายจีนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเช่นกัน  ฝ่ายอินเดียมีความเห็นตลอดมาว่า  การพัฒนาของความสัมพันธ์อินเดีย-จีน  ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาชายแดนเป็นเงื่อนไขเบื้องต้น  โดยความเป็นจริง  ความสัมพันธ์อินเดีย-จีนในหลายปีมานี้ได้มีการพัฒนาในเชิงบวก  ผู้นำทั้งสองชาติมีการพบเจรจากันหลายครั้ง  และได้บรรลุฉันทามติสำคัญๆในการพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย  ลดความตึงเครียดทางชายแดนโดยผ่านการเจรจา เพื่อฟื้นฟูการพิทักษ์สันติภาพและความสงบในเขตชายแดน”

หลังการหารือ สองฝ่ายได้บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน 5 ข้อคือ

  1. รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติทั้งสองเห็นพ้องตามฉันทามติสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อินเดีย ที่ผู้นำทั้งสองชาติบรรลุมาแล้ว  ทั้งนี้ รวมทั้งไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวเป็นข้อพิพาท
  2. รัฐมนตรีต่างประเทศของสองชาติเห็นว่า  สถานการณ์ชายแดนในตอนนี้ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย  กองทหารประจำชายแดนของทั้งสองชาติควรได้มีการพบหารือกันต่อไป  แยกตัวออกห่างจากกันโดยเร็ว  รักษาระยะห่างที่จำเป็น  บรรเทาเหตุการณ์ที่ดำรงอยู่
  3. รัฐมนตรีต่างประเทศของสองชาติเห็นว่า  ทั้งสองฝ่ายพึงปฏิบัติตามข้อตกลงและระเบียบข้อกำหนดของชายแดน  พิทักษ์สันติภาพและความสงบของเขตชายแดน   หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้เหตุการณ์ไต่ระดับ
  4. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ดำรงการเชื่อมโยงด้วยกลไกการพบหารือของผู้แทนพิเศษปัญหาชายแดนจีน-อินเดีย  ดำเนินการปรึกษาหารือกิจการชายแดนจีน-อินเดีย และระบบหารือประสานงาน
  5. รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองชาติเห็นพ้อง  เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายลง  ทั้งสองฝ่ายควรเร่งการบรรลุสร้างมาตรการเชื่อมั่นต่อกัน  พิทักษ์และเสริมสันติภาพและความสงบในเขตชายแดน

ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของจีนและอินเดียได้บรรลุข้อตกลงหลักการดังกล่าวแล้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจะให้เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการพรมแดนในการกำหนดจุดวางกองกำลัง ซึ่งการเจรจาเคลื่อนย้ายกองกำลังมีขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่มีความคืบหน้าไม่มาก ต่อจากนี้คงต้องจับตาดูว่า หลังฉันทามติเกิดขึ้นแล้ว ในสถานการณ์เป็นจริงของการกระทบกระทั่งกัน จะผ่อนคลายได้อย่างไร และการกำหนดจุดเหมาะสมในการวางกำลังพล จะขัดแย้งกันอีกหรือไม่ แต่อย่างน้อยท่าทีบวกเช่นนี้ เป็นการถอนฟืนออกจากกองไฟได้ระดับหนึ่ง ทำโลกปลอดภัยจากสงครามได้อีกขั้น