สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความว่า
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เนื่องจากทรงมีพระราชดำริว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นโรงพยบาลแห่งเดียวในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ต้องให้บริการแก่ผู้ต้องขัง ในกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นจำนวนมาก ยังขาดแคลนบุคลากร เครื่องมือแพทย์ และเวชภัณฑ์ การดูแลสุขภาพของผู้ต้องขังถือเป็นหน้าที่สำคัญของกรมราชทัณฑ์ ในการที่จะให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมตามหลักมนุษยธรรม
ทั้งนี้ เมื่อพ้นโทษจะได้มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ออกมาสู่สังคมภายนอกและประกอบอาชีพสุจริตได้อย่างมีคุณภาพ โดยจะพระราชทานความช่วยเหลือในเรื่องการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนการให้จิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ได้เข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือทั้งทางด้านการแพทย์ การพยาบาล การอบรมให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ
เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการประสบผลสำเร็จตามพระบรมราโชบาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ชุดใหม่
ขณะที่ต่อมา ทางด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็รีบออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ทันที โดยได้เผยแพร่บทความเรื่อง โครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ : การลงพระปรมาภิไธยและการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
โดยเนื้อหาอ้างอิงบริบทบนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2475 ที่ไม่ได้ได้ถูกบังคับใช้แล้ว มีเนื้อหาของบทความดังกล่าวหลายส่วนหลายตอนทีได้พยายามชี้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์แทรกแทรงการบริหารประเทศและราชการแผ่นดิน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ดร.นิว” จวกยับ “ปิยบุตร” บิดเบือน โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ปั้นเรื่องโจมตีสถาบัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด ที่บริเวณหน้าทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย ได้เดินทางมาบริจาคผ้าอนามัยและชุดชั้นในให้แก่นักโทษ พร้อมพูดถึงปัญหาสิทธิและสวัสดิภาพของนักโทษหญิงในเรือนจำ
ทั้งนี้ น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ช่วงที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมทางการเมือง และได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำ พบว่าผู้ต้องขังหญิงหลายคน โดยเฉพาะคนที่มีรูปร่างใหญ่แบบตน ไม่มีชุดชั้นในและผ้าอนามัยใช้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีคนบริจาคมาให้ ทำให้ผู้ต้องขังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ตนมองว่าแม้ผู้ต้องขังจะเป็นคนทำผิดแต่ต้องได้รับการดูแลในฐานะมนุษย์ เรือนจำควรเป็นสถานที่ที่ทำให้คนทำผิดกลับตัวเป็นคนดี จึงเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ปรับวิธีคิด ควรดูแลผู้ต้องขังตั้งแต่แรกเข้าจนกลับสู่สังคม
น.ส.ปนัสยา เปิดเผยเพิ่มเติมว่าไม่สามารถนำชุดชั้นในเข้าไปบริจาคให้เรือนจำหญิงได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโควิด-19 จึงงดรับของบริจาคชั่วคราว ซึ่งทางแกนนำกลุ่มราษฎรตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นประชาชนทั่วไปนำของเข้ามาบริจาคจะทำได้หรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เข้ามาบริจาคได้ แต่เมื่อมาถึงกลับถูกปฏิเสธ แต่จะมาใหม่
อย่างไรก็ตาม น.ส.ปนัสยา ได้โพสต์ข้อความอีกว่า วันนี้ตั้งใจไปบริจาคชุดชั้นในและผ้าอนามัยที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพฯ ก็เอาไปเยอะมากเลยกะว่าให้เพียงพอในการแจกจ่าย เอาเสื้อในไป 500 ตัว กางเกงใน 916 ตัว (กำลังมาเพิ่มอีก) แล้วก็ผ้าอนามัยหลายลัง
เราก็เตรียมตัวโดยการโทรไปถามเมื่ออาทิตย์ก่อน 1 รอบ และโทรไปย้ำเมื่อวานอีก 1 รอบ ว่าขั้นตอนการบริจาคของเป็นยังไง เข้าไปได้เมื่อไหร่บ้าง ต้องนัดล่วงหน้าไหม คำตอบที่ได้ก็คือ “รับค่ะ เข้ามาได้เลยที่ศูนย์แคร์ ไม่ต้องนัดล่วงหน้า” เราก็เลยนำของไปวันนี้
สรุปไม่ให้เข้า ไม่ให้บริจาค โดยให้เหตุผลว่าเป็นมาตรการป้องกันโควิด ช่วงนี้จะไม่รับบริจาคของเลย เอ้า! แล้วที่โทรไปแล้วตอบว่ารับคือยังไงอ่ะ ไม่ได้โทรรอบเดียวนะ ถามย้ำแล้วด้วย คือถามว่าที่ไม่ให้เข้าเนี่ย เพราะเป็นพวกเราไปหรอ เราไม่ได้มีนัยนะอะไรอย่างอื่นเลย แค่อยากให้ผู้ต้องขังหญิงมีชุดชั้นในใช้ มีผ้าอนามัยใช้ เพราะตอนที่เราอยู่ในนั้นเราเห็น ว่ามันไม่เพียงพอ คนไซส์ใหญ่ ๆ ไม่มีชุดชั้นในใส่ ชุดชั้นในที่เราเอาไปเลยเลือกแต่ไซส์ใหญ่ๆ ไว้ เพราะไซส์ปกติมีเพียงพอ
วันนี้ก็คือไม่ให้เข้า ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเก็บของไว้ก่อน รอบหน้าค่อยไปใหม่
* ทีมเราแกล้งให้มอไซด์เข้าไป จนท.ข้างหน้าบอกว่า วันนี้ ปิดวันนึง ข้างในสั่งมา
** คนมาเยี่ยมนักโทษหลายคน บ่นว่าปกติจะแจ้งล่วงหน้าถ้าปิด วันนี้ทำไมไม่แจ้ง
*** รายงานล่าสุดเมื่อ 12.50 ปล่อยให้คนเข้าได้ปกติแล้วค่ะ
ฝากถึงผู้สั่งการนะคะ ว่าแทนที่คุณจะเห็นแก่ผู้ต้องขังก่อน แต่กลับปิดกั้นเราเพียงแค่เราเป็นคนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง นี่เป็น Mindset ที่ไม่ดีต่อหน้าที่รับผิดชอบของคุณเลยค่ะ เพราะคุณมีหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขังนะคะ ของมันไม่มี ไม่เพียงพอก็อย่าเลือกเลยว่ารับจากใคร ขอเน้นตรงนี้ว่าเราตั้งใจบริจาคให้โดยเจตนาดีค่ะ