“อดีตรองอธิการมธ.” ตบปาก “ช่อ” โจมตีเจ้าแต่อ้างปชช. ซัดแกล้งโง่ ไม่เข้าใจธนาธรโดนด่าไม่สำนึกคุณแผ่นดิน!!

2512

จากกรณีที่ วันที่ 19 ม.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ พาดพิง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี

และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “คุณอนุทินตอบคำถามเรื่องวัคซีนพระราชทาน สุดมาก”

ล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตอธิการฯ มธ. ได้โพสต์ข้อความถึง นางสาวพรรณิการ์ โดยมีบางส่วนที่น่าสนใจ ระบุว่า

“ได้ดูที่คุณช่อ พรรณิการ์ “พูดสด” สืบเนื่องจากกรณีที่คุณธนาธร “พูดสด”เช่นกัน เมื่อวันที่ 19 มค ในหัวข้อ
“วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย”แล้วอ่อนใจ
มีคำถามจากนักข่าวว่า ที่คุณธนาธรออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องวัคซีน กลับไปนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาตี อย่างนี้จะเป็นปัญหากับการดำเนินงานของคณะก้าวหน้าต่อไปหรือไม่
คุณช่อตอบคำถามนี้ ความว่า
“ คณะก้าวหน้ายืนยันค่ะว่า ไมได้ตั้งเป้าจะไปล้มล้าง โจมตีสถาบันกษัตริย์ อันเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของสังคมไทย เราทำงานตามอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่เดิมก็คือ ………โควิดเป็นเรื่องใหญ่ที่เป็นความเป็นความตายของประชาชนทั้งประเทศ …….เราจำเป็นต้องพูดในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งประเทศ และเรื่องนี้ เราไม่ได้โยงไปเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์โดยตัวของเราเองนะคะ พลเอกประยุทธ์พูดเองว่า ในหลวงพระราชทานให้ Siam Bioscience ผลิตวัคซีนแจกจ่าย ….. เรื่องนี้ไม่ใช่เราแน่นอนนะคะที่ผูกโยงเรื่องให้ไปเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ หน่วยงานรัฐ รัฐบาลพูดกันเป็นการทั่วไปว่า นี่เป็นวัคซีนที่เป็นการพระราชทานของในหลวง เป็นวัคซีนที่เป็นโรงงานผลิตวัคซีนของในหลวง……เรายืนยันค่ะว่าเราทำงานเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน ทำงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้วัคซีนเร็วที่สุด ปลอดภัยที่สุด ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด …….. เรื่องนี้เราจำเป็นต้องทำนะคะ เราไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยอยู่ได้ ในเมื่อมีข้อมูลเพียงพอที่บอกได้ว่า deal นี้ สัญญานี้ที่รัฐบาลไปทำ มันอาจจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลประโยชน์ตามที่ควรจะเป็น”

มีคำถามว่า โกรธไหมที่คุณอนุทินพูดเรื่อง ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คุณช่อตอบว่า
“ ไม่ได้รู้สึกโกรธใดๆคุณอนุทิน……แต่การที่คุณอนุทินยกเรื่องการไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขึ้นมาตอบคำถาม ที่เราตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพและ
ความโปร่งใส ของการดำเนินงาน
ของรัฐ อันนี้ดิฉันคิดว่ามีปัญหานะคะ ผู้ที่อ้างเรื่องพระมหากรุณาธิคุณในการตอบคำถามที่เป็นความรับผิดชอบของตัวเอง ไม่เป็นผลดีต่อสถาบันกษัตริย์แน่นอน และไม่เป็นผลดีต่อประชาชนด้วย
ลำพังเพียงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างเดียว ไม่สามารถกอบกู้ประเทศชาติจากวิกฤตโควิดได้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า คุณช่อสามารถบิดคำถามของนักข่าวได้อย่างยอดเยี่ยม โยนความผิดไปให้พลเอกประยุทธ์ได้อย่างหน้าตาเฉยว่าเป็นผู้เริ่มต้นคำว่า วัคซีนพระราชทาน ไม่ใช่คณะก้าวหน้า แต่ไม่พูดสักคำว่าทำไมประโยคต่อมาจึงถามว่า “ใครได้ใครเสีย”
ความจริง เนื้อหาที่ทั้งคุณช่อและคุณธนาธรพูด พยายามจะบอกอยู่แล้วว่าใครได้ใครเสีย สรุปคือ ประชาชนและประเทศคือฝ่ายเสีย ไม่มีประโยชน์ที่จะบิดประเด็นไปมา เพราะสิ่งที่พูดมันชัดยิ่งกว่าชัด

กรณีคุณอนุทิน คุณช่อก็สามารถบิดประเด็นไปได้อีกว่า ไม่ยอมตอบคำถาม แต่ไปพูดเรื่อง ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ความจริงที่คุณอนุทินพูดว่า “….รู้ไปทุกเรื่อง..” น่ะ แปลว่าเขาได้ตอบแล้ว แต่เขาโต้กลับว่า การออกมาโจมตีพระมหากษัตริย์ เท่ากับเป็นการไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คุณช่อคงแกล้งไม่เข้าใจ

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ข้อความพูดว่า ""มาคนที่พูดเื่อนี้มืนบรทุเรือง รู้ไปหมดทุกเรื่อง แต่ไม่รู้สำนึกในพระมหา กรุณาธิคณ ประเทศไทยเรา ามาถึงตรงนี้ได้ ใครเป็นผู้ให้กำเนิดการแพทย์ การสาธารณ สุข ใครเป็นคนวางรากฐานที่ทำให้ระบบ สาธารณสุข และการแพทย์เป็นที่ยอมรับของ คนทั้งโลก ทำให้ประชาชนในประเทศมีพื้นฐาน สุขภาพทีดี มีวิถีชีวิตที่ดี มีความแข็งแรง ใคร เป็นคน พระราชสิ่งของต่างๆ ตลอดระยะ เวลาเป็นร้อยๆ ปี เมื่อประเทศไทยมีภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมชาติ หรือทางโรค ระบาด ถ้าจะเอาแบบไม่ต้องไปจำกันยาวๆ เอา ใกล้ๆ รถตรวจหาเชื้อโควิด 20 ใครเป็น คนให้ ชุด PPE เป็นล้านๆ ใครเป็นคนให้ เวชภัณฑ์ ทุนทรัพย์ เป็นพันล้าน ที่มอบให้ คณะแพทย์ ไปปรับปรุง ไปลงทุน ในระบบ การสาธารณสุข และการแพทย์ ใครเป็นผู้ พระราชทานให้..." RO LARRAD ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนรีว่าการกระพรวงสาธารณสุข"

คำถามหรือ “ข้อกล่าวหา” ของคุณช่อ และคุณธนาธร คือ การที่รัฐบาลตัดสินใจซื้อวัคซีนจากบริษัท Astra Zeneca เป็นหลักเพียงเจ้าเดียว โดยมีบริษัท Siam Bioscience เป็นผู้ผลิตภายในประเทศ ให้กับ Astra Zeneca โดยรัฐบาลจ่ายเงินล่วงหน้าให้บริษัท Siam Bioscience ประมาณ 600 ล้านบาท (คุณธนาธรบอก 1,490 ล้านบาท) เพื่อให้ไปจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมที่จะผลิตวัคซีนได้
การตัดสินใจข้างต้นของรัฐบาล เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน คือ Siam Bioscience เพียงรายเดียวหรือไม่
หากจะตอบคำถามนี้ ต้องกลับไปดูประวัติความเป็นมา และพันธกิจของบริษัท Siam Bioscience
บริษัท Siam Bioscience จัดตั้งขึ้นจากพระราชปณิธาณของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยมีพันธกิจคือ

ให้คนไทยได้รับยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง สร้างความมั่นคงทางยา เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย”
บริษัท Siam Bioscience ดำเนินการวิจัยพัฒนา ผลิตยาและเครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ โดยมีการวิจัย พัฒนา ผลิตครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญ สารออกฤทธิ์ จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ผลิตยาชีววัตถุ หรือ ไบโอฟาร์มา ซึ่งเป็นยาที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง
จะแห็นว่าบริษัท Siam Bioscience ไม่ได้ต้องการกำไร แต่ต้องการสร้างความมั่นคงทางยาของประเทศ เพื่อดูแลรักษาคุณภาพคนไทย การสร้างรายได้ก็เพียงให้เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้เท่านั้น

“เมื่อทราบว่า บริษัท Siam Bioscience จัดตั้งขึ้นเพื่ออะไรแล้ว ไม่ควรมีคำถามด้วยซ้ำว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียวหรือไม่
ยอมรับเถิดว่า พวกคุณคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา คอยโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกโอกาสที่มี โดยอ้างว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
อย่าพยายามบิดไป บิดมา อยู่เลยครับ”