วันที่ 21 ม.ค. 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยัง นายโจเซฟ อาร์ ไบเดน จูเนียร์(The Honorable Joseph R.Biden Jr.) ในโอกาสสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564
ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ส่งหนังสือแสดงความยินดีเช่นกันด้วย เผยว่าประเทศไทยภูมิใจในความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯมายาวนาน พร้อมเคียงข้างและทำงานร่วมกันใกล้ชิด ขณะเดียวกันขอเชิญเยือน “กรุงเทพฯ”ในโอกาสที่เหมาะสม
สุนทรพจน์ของปธน.ไบเดน เป็นเวลาเกือบ 20 นาที แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต้องการจะให้คนอเมริกันรู้ว่าเขาจะเป็น “ประธานาธิบดีของคนอเมริกันทั้งหมด” เพราะไม่ต้องการให้คนกว่า 74 ล้านคน ที่ลงคะแนนให้โดนัลด์ ทรัมป์ คิดว่าพวกเขาจะถูกกลั่นแกล้งหรือเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ และหวังให้คนอเมริกันไม่เอาความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันทางการเมืองมาเป็นอุปสรรคในการจัดการกับการระบาดโควิด-19
อุปสรรคสำคัญที่เผชิญหน้าคนอเมริกันและที่จะต้องเอาชนะให้ได้คือ
1.ความเชื่อสุดโต่งทางการเมือง ขวาจัด-ซ้ายจึัด สีแดง(Red Storm)-สีฟ้า(Blue Wave)
2.การเหยียดผิวที่เห็นคนผิวขาวคือชนชั้นพิเศษเหนือคนผิวสี เชื้อชาติอื่น
3.การก่อการร้ายในประเทศ เชื้อไฟแห่งสงครามกลางเมือง
ไบเดนได้ตอกย้ำว่า “ประชาธิปไตย” นั้นมีค่ามหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็ “เปราะบาง”หากไม่ช่วยกันปกป้องและประคับประคองให้ดี ประชาธิปไตยก็จะเป็นเพียงสิ่งสมมติที่อาจจะล่มสลายได้ง่ายๆ เหมือนยอมรับกลายๆว่า ประชาธิปไตยก็คือมายาคติชนิดหนึ่ง และความจริงที่ประจักษ์ในวันสาบานตน แม้แต่การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ยังต้องอาศัยกำลังทหารที่ติดอาวุธร้ายแรงกว่า 25,000 นายคอยอารักขา มีกำแพงกั้นระหว่างผู้มีอำนาจปกครอง กับประชาชนเป็นภาพสัญลักษณ์ประชาธิปไตยสมัยโจ ไบเดนที่ยากจะลืมเลือน
รุ่งอรุณแห่งชีวิตของคนอเมริกัน เริ่มต้นด้วยไฟขัดแย้งเริ่มคุกรุ่นตามคาด ในวันที่ 21 ม.ค.2564 กลุ่มต่อต้านก่อหวอดประท้วงปธน.ไบเดนในเมืองพอร์ตแลนด์มลรัฐโอเรกอน ทุบทำลายอาคารสำนักงานพรรคเดโมแครต มีผู้ถูกจับกุมตัวไปแล้ว 8 คน เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 150 คน ที่ออกมาแสดงพลังต่อต้าน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการยุติการใช้ความรุนแรงของตำรวจและต่อต้านจักรวรรดินิยม
ในบ้านก็คุกรุ่น และไฟนอกบ้านยังโหมต่อ เมื่อวันแรกแห่งการทำงานนอกจากลงนามคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) 17 ฉบับสวนคำสั่งทรัมป์ก่อนหน้าแบบกลับหลังหันแล้ว ก็มีรายการตอบโต้จีนทันที ในกรณีที่ ทางการจีนประกาศขึ้นบัญชีดำ อดีตรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลทรัมป์ จำนวน 28 คน หนึ่งในนั้นคือ ไมค์ ปอมเปโอ อดีตรมต.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐโทษฐาน “โกหกและคดโกง”
ก.การต่างประเทศจีนแถลงแสบจี๊ดว่า “คนเหล่านี้มีพฤติการณ์ละเมิดอธิปไตยของรัฐบาลปักกิ่ง ด้วยการดำเนินนโยบายอย่างอคติและเห็นแก่ตัว ปราศจากการคำนึงถึงประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย” จึงห้ามบุคคลดังกล่าวและครอบครัวเข้าประเทศจีน ฝ่ายเอมิลี ฮอร์น โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทีมของไบเดนตอบโต้ทันควัน “ชาวอเมริกันทั้งสองพรรคควรวิจารณ์การกระทำที่ไร้ประโยชน์ และดูถูกกันปธน.ไบเดนรอทำงานร่วมกับผู้นำทั้งสองพรรคเพื่อวางสถานะสหรัฐเหนือกว่าจีน” สหรัฐอาจลืมไปว่าในสมัยทรัมป์ ได้คว่ำบาตรสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้บริหารและนิติบุคคลจีนนับไม่ถ้วน