อดีตพุทธะอิสระ ยกตัวอย่างตำรวจมะกัน เตือนสติตำรวจไทย ใจดีเกินเหตุ ลองฟังที่เขาพูดบ้าง อยากเห็นกม.ไทยศักดิ์สิทธิ์ทุกมาตรา เอาผิดคนจาบจ้วงสถาบันฯ

1574

หลังจากเกิดเหตุจลาจลในสภาของสหรัฐฯ หน่วยงานด้านความมั่นคงทุกแห่งได้พร้อมใจกันยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเรื่องเหตุรุนแรง จากมวลชนฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ที่นายโจ ไบเดน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำคนใหม่

และเมื่อเทียบกับสถานการณ์ความวุ่นวายที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ม็อบก๊วน 3 นิ้ว ได้ออกมาประท้วงในหลายครั้ง ๆ จะเห็นถึงความแตกต่างในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก

โดยล่าสุดอดีตพระพุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก“หลวงปู่พุทธะอิสระ ในหัวข้อ “ตำรวจไทยใจดี ลองฟังตำรวจสหรัฐฯเขาพูดบ้าง” โดยมีเนื้อหาว่า “เราต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับคนที่มาที่นี่ เพื่อแสดงออกถึงสิทธิของพวกเขาตามรัฐธรรมนูญ” ตำรวจรัฐมิชิแกนกล่าวไว่ ” แต่เราก็เตรียมพร้อมปกป้องอาคารแห่งนี้เช่นกัน

เช่นเดียวกับประชาชนที่นี่ เราจะไม่อดทนกับรูปแบบความรุนแรงใด ๆ รูปแบบการทำลายทรัพย์สินใด ๆ การโจมตีใด ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนอื่น ๆ ที่มาที่นี่ เพื่อแสดงออกถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับสื่อมวลชน”

ที่นำคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯมาลงให้ท่านทั้งหลายได้อ่านกัน ก็มิได้หมายถึง พุทธะอิสระ ต้องการเห็นตำรวจไทยทำการใด ๆ เกินเหตุที่กฎหมายกำหนด ต่อคนไทยทุกคน แต่ก็อยากให้ตำรวจไทย บังคับใช้กฎหมายตามหลักการ และเหตุผลที่มีในบทบัญญัติของข้อกฎหมาย มิใช่ใช้อารมณ์นำการกระทำ จนนำมาซึ่งความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ

และโปรดกรุณาอย่าใช้คำว่า อะลุ่มอล่วย จนพร่ำเพื่อ ซึ่งอาจทำให้กฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ อาจทำให้ทุจริตชนเหิมเกริม หากตำรวจไทยบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน จริงจัง โดยไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้การปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ๆ มันจะดูรุนแรงในสายตาผู้พบเห็น

ตำรวจไทยก็สามารถอธิบายได้ตามหลักกฎหมายนั้น มันจะคุ้มครองการกระทำแก่เจ้าหน้าที่ผู้กระทำการอย่างซื่อตรงเอง พวกเรากองทัพประชาชนปกป้องสถาบัน และเครือข่ายภาคี อยากเห็นกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ทุกมาตราจริง ๆ

ทั้งนี้หากย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่มีหลายเสียงเรียกร้องว่าตำรวจไทย ไม่เอาจริง กับการเอาผิดผู้กระทำผิดมาตรา 112 และทำการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงกรณีที่พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ได้นำตัวนายศิริชัย นาถึง หรือนิว อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 และภายหลังได้มีการปล่อยตัว

และในครั้งนั้นลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ได้รวมตัวกันบริเวณหน้า สภ.คลองหลวง เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายศิริชัย แต่ปรากฏว่าได้มีการกระทำดูหมิ่นเจ้าพนักงาน โดยโปรยอาหารสุนัขให้บริเวณด้านหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่นั่งเรียงแถวควบคุมเหตุการณ์ไม่ให้วุ่นวาย อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้พ่นสีด้วยถ้อยคำหยาบคาย บริเวณตึกอาคารสถานที่ราชการอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยยังใช้ความอะลุ่มอล่วยต่อผู้กระทำความผิดอยู่ จึงทำให้คนพวกนี้ไม่หลาบจำ ยังคงเหิมเกริมโจมตีสถาบันฯอย่างต่อเนื่อง